นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นปะธานประชุมคณะอนุกรรมการกำหนดเกณฑ์การอ้างอิงในการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพื่อประกาศราคาอ้างอิงสำหรับข้าวเปลือกชนิดต่างๆ ที่ความชื้นไม่เกินร้อยละ 15 ใช้ชดเชยส่วนต่างระหว่างเกณฑ์ราคาอ้างอิงกับราคาประกันรายได้ ระหว่างวันที่ 16-31 ธันวาคม 2552 ว่า มีเพียงข้าวเปลือกหอมมะลิที่ต้องจ่ายอัตราชดเชย โดยราคาอยู่ที่ตันละ 14,895 บาท อัตราชดเชยอยู่ที่ตันละ 405 บาท ส่วนข้าวเปลือกหอมจังหวัดราคาตันละ 14,503 บาท ข้าวเปลือกเจ้าราคาตันละ 10,212 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานี ราคาอ้างอิงอยู่ที่ตันละ 12,072 บาท และราคาข้าวเปลือกเหนียว ราคาอ้างอิงตันละ 11,533 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาประกันที่รัฐบาลประกาศไว้ จึงไม่ต้องชดเชย
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หยิบยกปัญหาความเดือดร้อนจากกรณีเพลี้ยกระโดดระบาดหนักในพื้นที่ภาคกลางกว่า 2 ล้านไร่ ซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในพื้นที่ดังกล่าว และทางคณะอนุกรรมการได้พิจารณาว่า ขณะนี้ ราคาข้าวในตลาดมีราคาสูงกว่าราคาอ้างอิง จึงมีมติไม่ต้องชดเชยจากผลกระทบเพลี้ยกระโดด แต่ทางคณะอนุกรรมการจะไปหาวิธีการที่จะช่วยเหลือเกษตรในด้านอื่นๆ เช่น การประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ
นายยรรยง กล่าวอีกว่า จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ได้กำหนดกรอบในการประกันราคารพืชผลทางการเกษตรรอบ 2 โดยจะเริ่มต้นการรับประกันรอบ 2 ประมาณต้นเดือนมกราคม 2553
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หยิบยกปัญหาความเดือดร้อนจากกรณีเพลี้ยกระโดดระบาดหนักในพื้นที่ภาคกลางกว่า 2 ล้านไร่ ซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในพื้นที่ดังกล่าว และทางคณะอนุกรรมการได้พิจารณาว่า ขณะนี้ ราคาข้าวในตลาดมีราคาสูงกว่าราคาอ้างอิง จึงมีมติไม่ต้องชดเชยจากผลกระทบเพลี้ยกระโดด แต่ทางคณะอนุกรรมการจะไปหาวิธีการที่จะช่วยเหลือเกษตรในด้านอื่นๆ เช่น การประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ
นายยรรยง กล่าวอีกว่า จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ได้กำหนดกรอบในการประกันราคารพืชผลทางการเกษตรรอบ 2 โดยจะเริ่มต้นการรับประกันรอบ 2 ประมาณต้นเดือนมกราคม 2553