นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึง กรณีการจับกุมเครื่องบินต่างชาติขนอาวุธเข้ามาในประเทศไทย กว่า 35 ตันว่า ล่าสุดอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยอาวุธดังกล่าวถูกเก็บรักษารอการตรวจสอบที่คลังอาวุธ ซึ่งเหลืออีก 1 ตู้คอนเทนเนอร์ ที่ยังไม่สามารถเปิดได้ ซึ่งการจับกุมและดำเนินการของฝ่ายไทย ถือว่าเป็นไปตามหลักสากลของสหประชาชาติ หรือ UN ที่จะต้องปฏิบัติต่อบุคคลที่ทำการขนอาวุธเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งเรื่องดังกล่าวเห็นว่า เจ้าหน้าที่ไทยได้ทำงานอย่างดีที่สุดแล้ว เนื่องจากมีการตรวจสอบตั้งแต่การบินเข้ามาเติมน้ำมันในรอบแรก ซึ่งได้เข้าไปตรวจสอบไม่พบสิ่งใดเป็นเครื่องบินเปล่า แต่ขากลับได้แวะมาเติมน้ำมันอีกครั้งที่ สนามบินดอนเมือง เจ้าหน้าที่ขึ้นไปตรวจสอบจึงพบอาวุธดังกล่าว จากนั้นได้ปฏิบัติตามหลักสากลในการเข้าจับกุม เพราะการขนอาวุธเข้าประเทศเป็นเรื่องที่ร้ายแรง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า ในทางกลับกัน หากเครื่องบินเติมน้ำมันแล้วบินออกไป โดยขนอาวุธไปด้วย และมีการตรวจสอบภายหลังว่า บินจากประเทศไทย อาจถูกตำหนิได้ว่ามาตรการของไทยยังแย่
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า ในทางกลับกัน หากเครื่องบินเติมน้ำมันแล้วบินออกไป โดยขนอาวุธไปด้วย และมีการตรวจสอบภายหลังว่า บินจากประเทศไทย อาจถูกตำหนิได้ว่ามาตรการของไทยยังแย่