สหประชาชาติเผยแพร่รายงาน “สถานการณ์และทิศทางอนาคตเศรษฐกิจโลกปี 2010” ในวันพุธ (2) คาดปีหน้าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวจากวิกฤตด้วยสภาพอันอ่อนแรงต่อไปโดยเติบโตเพียงราว 2.4 % และมีภูมิภาคเอเชียเป็นแกนนำ แต่ขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงอยู่มากที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยรอบสองอีกได้ หากรัฐบาลต่างๆ ยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วเกินไป
รายงานดังกล่าวซึ่งร่วมกันผลิตโดยฝ่ายกิจการเศรษฐกิจและสังคม ยูเอ็น, องค์การการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังก์ถัด), และ 5 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจระดับภูมิภาคของยูเอ็น ระบุว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลหลายประเทศนำออกมาใช้ มีส่วนอย่างสำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ถดถอยลงในปี 2007 แต่ก็เตือนว่าการฟื้นตัวขึ้นดังกล่าว “ยังไม่มีความแข็งแกร่ง” และอาจหยุดชะงักอย่างทันควันหากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งมีมูลค่ารวมราว 2.6 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงปี 2009-2010 ยุติลงเร็วเกินไป
ทั้งนี้รายงานฉบับล่าสุดของยูเอ็นบอกว่า ถ้ารัฐบาลต่างๆ ยังคงดำเนินแผนการสนับสนุนเศรษฐกิจต่อไปแล้ว การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าก็จะอยู่ในระดับ “อ่อนๆ” ที่ 2.4% ตัวเลขดังกล่าวนี้นับว่าต่ำกว่าที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) พยากรณ์ไว้เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ว่าจะอยู่ที่ราว 3.1 % นอกจากนั้น รายงานสหประชาชาติยังทำนายว่าจีดีพีโลกในปีนี้จะหดตัวลง 2.2 % ในขณะที่ไอเอ็มเอฟคาดว่าลดลง 1.1 % โดยที่มีเจ้าหน้าที่ยูเอ็นหลายคนออกมาอธิบายว่าเป็นเพราะทั้งสองฝ่ายมีวิธีคำนวณที่แตกต่างกัน ทว่ายังคงถือว่ามีความสอดคล้องกันในเรื่องแนวทางกว้างๆ
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ของยูเอ็นล่าสุดก็ยังสูงกว่าที่สหประชาชนเองเคยทำนายไว้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทั้งในแง่ของจีดีพีทั่วโลกและจีดีพีของประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ยกเว้นกรณีของญี่ปุ่นเท่านั้น
รายงานดังกล่าวซึ่งร่วมกันผลิตโดยฝ่ายกิจการเศรษฐกิจและสังคม ยูเอ็น, องค์การการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังก์ถัด), และ 5 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจระดับภูมิภาคของยูเอ็น ระบุว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลหลายประเทศนำออกมาใช้ มีส่วนอย่างสำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ถดถอยลงในปี 2007 แต่ก็เตือนว่าการฟื้นตัวขึ้นดังกล่าว “ยังไม่มีความแข็งแกร่ง” และอาจหยุดชะงักอย่างทันควันหากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งมีมูลค่ารวมราว 2.6 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงปี 2009-2010 ยุติลงเร็วเกินไป
ทั้งนี้รายงานฉบับล่าสุดของยูเอ็นบอกว่า ถ้ารัฐบาลต่างๆ ยังคงดำเนินแผนการสนับสนุนเศรษฐกิจต่อไปแล้ว การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าก็จะอยู่ในระดับ “อ่อนๆ” ที่ 2.4% ตัวเลขดังกล่าวนี้นับว่าต่ำกว่าที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) พยากรณ์ไว้เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ว่าจะอยู่ที่ราว 3.1 % นอกจากนั้น รายงานสหประชาชาติยังทำนายว่าจีดีพีโลกในปีนี้จะหดตัวลง 2.2 % ในขณะที่ไอเอ็มเอฟคาดว่าลดลง 1.1 % โดยที่มีเจ้าหน้าที่ยูเอ็นหลายคนออกมาอธิบายว่าเป็นเพราะทั้งสองฝ่ายมีวิธีคำนวณที่แตกต่างกัน ทว่ายังคงถือว่ามีความสอดคล้องกันในเรื่องแนวทางกว้างๆ
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ของยูเอ็นล่าสุดก็ยังสูงกว่าที่สหประชาชนเองเคยทำนายไว้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทั้งในแง่ของจีดีพีทั่วโลกและจีดีพีของประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ยกเว้นกรณีของญี่ปุ่นเท่านั้น