นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วยนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางมายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเข้าพบนายราเกซ สักเสนา ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการ จำกัด (มหาชน) หรือบีบีซี โดยใช้เวลาพูดคุยกับนายราเกซซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ในแดนพยาบาลนานเกือบ 1 ชั่วโมง
นายชาติชาย กล่าวแสดงความมั่นใจว่า จะไม่เกิดเหตุร้ายในเรือนจำภายหลังจากตรวจความเรียบร้อยในระบบรักษาความปลอดภัยภายในแดนพยาบาล ส่วนปัญหาด้านสุขภาพของนายราเกซขณะนี้ไม่มีอาการน่าเป็นห่วง โรคอัมพฤกษ์มีแนวโน้มที่จะดีขึ้นกว่าวันแรกที่ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ แต่นายราเกซยังรับประทานอาหารที่เรือนจำจัดให้ไม่ได้ โดยขอรับประทานอาหารอ่อนสำหรับผู้ป่วย หรือขนมปังแทนข้าวสวย
ด้านนายธาริต กล่าวว่า ดีเอสไอได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้ามาดูแล เพื่อเสริมมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับนายราเกซระหว่างถูกควบคุมตัวในเรือนจำ 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ได้มีการซักซ้อมความเข้าใจระหว่างเจ้าหน้าที่ดีเอสไอกับผู้คุมในเรือนจำ โดยเน้นถึงการดูแลความปลอดภัยในเรื่องอาหาร ยา และน้ำดื่ม รวมถึงบุคคลที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับนายราเกซทั้งในส่วนของผู้คุมและเพื่อนผู้ต้องขัง ซึ่งเป็นระดับการดูแลความปลอดภัยสูงสุด พร้อมทั้งกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องรับคดีของนายราเกซเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากสำนวนในคดีหลักและคดีประกอบเกี่ยวกับการยักยอกทรัพย์ในบีบีซีนั้น ตำรวจได้ทำสำนวนไว้เรียบร้อยแล้ว เว้นแต่นายราเกซจะให้การซัดทอดถึงบุคคลใดเป็นพิเศษ คดีจึงถือว่ามีประเด็นใหม่ที่ต้องสอบสวนตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ
นายชาติชาย กล่าวแสดงความมั่นใจว่า จะไม่เกิดเหตุร้ายในเรือนจำภายหลังจากตรวจความเรียบร้อยในระบบรักษาความปลอดภัยภายในแดนพยาบาล ส่วนปัญหาด้านสุขภาพของนายราเกซขณะนี้ไม่มีอาการน่าเป็นห่วง โรคอัมพฤกษ์มีแนวโน้มที่จะดีขึ้นกว่าวันแรกที่ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ แต่นายราเกซยังรับประทานอาหารที่เรือนจำจัดให้ไม่ได้ โดยขอรับประทานอาหารอ่อนสำหรับผู้ป่วย หรือขนมปังแทนข้าวสวย
ด้านนายธาริต กล่าวว่า ดีเอสไอได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้ามาดูแล เพื่อเสริมมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับนายราเกซระหว่างถูกควบคุมตัวในเรือนจำ 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ได้มีการซักซ้อมความเข้าใจระหว่างเจ้าหน้าที่ดีเอสไอกับผู้คุมในเรือนจำ โดยเน้นถึงการดูแลความปลอดภัยในเรื่องอาหาร ยา และน้ำดื่ม รวมถึงบุคคลที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับนายราเกซทั้งในส่วนของผู้คุมและเพื่อนผู้ต้องขัง ซึ่งเป็นระดับการดูแลความปลอดภัยสูงสุด พร้อมทั้งกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องรับคดีของนายราเกซเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากสำนวนในคดีหลักและคดีประกอบเกี่ยวกับการยักยอกทรัพย์ในบีบีซีนั้น ตำรวจได้ทำสำนวนไว้เรียบร้อยแล้ว เว้นแต่นายราเกซจะให้การซัดทอดถึงบุคคลใดเป็นพิเศษ คดีจึงถือว่ามีประเด็นใหม่ที่ต้องสอบสวนตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ