นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.ในวันนี้ (21 ต.ค.) ว่า ที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับร้อยละ 1.25 ต่อไป เนื่องจากเห็นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมีความเสี่ยงและยังต้องพึ่งพาการกระตุ้นจากภาครัฐต่อไป
นอกจากนี้ กนง.ยังมองว่าเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงินระหว่างประเทศปรับตัวดีขึ้นจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายและมาตรการกระตุ้นทางการคลังในหลายประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมหลัก หรือจี 3 ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรป ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนฟื้นตัวชัดเจนและการส่งออกของเอเชียปรับตัวดีขึ้น แต่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น
นายไพบูลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน ปัญหาโครงการลงทุนที่มาบตาพุด รวมทั้งปัญหาการเมือง ที่ยืดเยื้อมานาน อย่างไรก็ตาม หวังว่ามาตรการลงทุนของภาครัฐจะส่งผลให้ภาคเอกชนมีการบริโภคและการลงทุนเพิ่มขึ้น เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในอนาคต คาดว่าจะปรับตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ตามแรงส่งของเศรษฐกิจโลก ที่แม้จะมีการฟื้นตัวบ้าง แต่ยังมีความเสี่ยงและต้องพึ่งพาการกระตุ้นจากภาครัฐต่อไป
นอกจากนี้ กนง.ยังมองว่าเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงินระหว่างประเทศปรับตัวดีขึ้นจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายและมาตรการกระตุ้นทางการคลังในหลายประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมหลัก หรือจี 3 ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรป ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนฟื้นตัวชัดเจนและการส่งออกของเอเชียปรับตัวดีขึ้น แต่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น
นายไพบูลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน ปัญหาโครงการลงทุนที่มาบตาพุด รวมทั้งปัญหาการเมือง ที่ยืดเยื้อมานาน อย่างไรก็ตาม หวังว่ามาตรการลงทุนของภาครัฐจะส่งผลให้ภาคเอกชนมีการบริโภคและการลงทุนเพิ่มขึ้น เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในอนาคต คาดว่าจะปรับตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ตามแรงส่งของเศรษฐกิจโลก ที่แม้จะมีการฟื้นตัวบ้าง แต่ยังมีความเสี่ยงและต้องพึ่งพาการกระตุ้นจากภาครัฐต่อไป