นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งมีสาระสำคัญเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนที่เป็นแรงงานนอกระบบ และไม่ได้มีความคุ้มครองประกันสังคม หรืออยู่ในระบบสวัสดิการของรัฐ ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 24 ล้านคน ให้สามารถออมเงินไว้เพื่อวัยสูงอายุได้
ทั้งนี้ กรอบกฎหมายครอบคลุมผู้ที่มีสัญชาติไทย อายุไม่เกิน 60 ปี โดยผู้ออมจ่ายเงินสะสมขั้นต่ำเดือนละ 100 บาท ขณะที่รัฐจะจ่ายสมทบให้อีกส่วนตามอายุของผู้ออม คือ หากผู้ออมอายุต่ำกว่า 20 ปี รัฐไม่จ่ายสมทบ ผู้ออมอายุ 20-30 ปี รัฐจ่ายสมทบเดือนละ 50 บาท ผู้ออมอายุ 30-50 ปี รัฐสมทบเดือนละ 80 บาท และหากผู้ออมอายุมากกว่า 50 ปี ไปจนถึงอายุ 60 ปี รัฐจ่ายสมทบเดือนละ 100 บาท ส่วนการจ่ายเงินแก่สมาชิกนั้น รัฐจะจ่ายกรณีสมาชิกอายุครบ 60 ปี ในรูปแบบเงินบำนาญไปตลอด และคืนเงินให้หากเสียชีวิตก่อน 80 ปี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังเชื่อว่า กองทุนการออมแห่งชาติ จะช่วยสร้างความเข้มแข็งของสังคม และเศรษฐกิจในระยะยาว ส่วนการนำเงินออมไปลงทุนนั้น ขึ้นอยู่กับการดำเนินงานของสำนักงานกองทุนการออมแห่งชาติ ซึ่งคาดว่าจะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลัก
ทั้งนี้ กรอบกฎหมายครอบคลุมผู้ที่มีสัญชาติไทย อายุไม่เกิน 60 ปี โดยผู้ออมจ่ายเงินสะสมขั้นต่ำเดือนละ 100 บาท ขณะที่รัฐจะจ่ายสมทบให้อีกส่วนตามอายุของผู้ออม คือ หากผู้ออมอายุต่ำกว่า 20 ปี รัฐไม่จ่ายสมทบ ผู้ออมอายุ 20-30 ปี รัฐจ่ายสมทบเดือนละ 50 บาท ผู้ออมอายุ 30-50 ปี รัฐสมทบเดือนละ 80 บาท และหากผู้ออมอายุมากกว่า 50 ปี ไปจนถึงอายุ 60 ปี รัฐจ่ายสมทบเดือนละ 100 บาท ส่วนการจ่ายเงินแก่สมาชิกนั้น รัฐจะจ่ายกรณีสมาชิกอายุครบ 60 ปี ในรูปแบบเงินบำนาญไปตลอด และคืนเงินให้หากเสียชีวิตก่อน 80 ปี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังเชื่อว่า กองทุนการออมแห่งชาติ จะช่วยสร้างความเข้มแข็งของสังคม และเศรษฐกิจในระยะยาว ส่วนการนำเงินออมไปลงทุนนั้น ขึ้นอยู่กับการดำเนินงานของสำนักงานกองทุนการออมแห่งชาติ ซึ่งคาดว่าจะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลัก
