บัตรอิเล็กทรอนิกส์ 104 ใบ เครื่องอ่านเขียนแถบแม่เหล็กบัตรเครดิต 1 เครื่อง และคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง เป็นของกลางที่ตำรวจกองปราบปรามยึดได้จากผู้ต้องหาชาวต่างชาติ 3 คน คือสัญชาติแคนาดา 1 คน สัญชาติศรีลังกา 2 คน โดยประสานข้อมูลจากคณะทำงานป้องกันการทุจริตบัตรเครดิต ชมรมธนาคารไทย ซึ่งพบว่า มีชาวศรีลังกานำบัตรเครดิตปลอมมากดเงินในประเทศไทย
ผู้ต้องหาให้การว่า ได้รับรหัสบัตรเครดิตที่ส่วนใหญ่เป็นของชาวยุโรป และจะนำข้อมูลที่ได้เขียนลงในบัตรพลาสติก จากนั้นจะตระเวนกดเงินสด
เบื้องต้น ตำรวจประเมินว่า ความเสียหายไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท แต่จากการสอบสวนไม่พบว่า มีคนไทยตกเป็นผู้เสียหาย เนื่องจากข้อมูลรหัสบัตรเครดิตส่วนใหญ่เป็นของชาวยุโรป ตำรวจจึงตั้งข้อหาปลอมบัตรเครดิตและมีเครื่องมือที่ใช้ในการปลอมแปลงบัตรเครดิต พร้อมสืบสวนหาผู้ร่วมขบวนการ เนื่องจากมีลักษณะเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ
คณะทำงานป้องกันการทุจริตบัตรเครดิต ชมรมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศแถบยุโรปส่วนใหญ่ ใช้บัตรเครดิตระบบแถบแม่เหล็ก ซึ่งสามารถปลอมได้ง่าย ส่วนประเทศไทยเปลี่ยนมาใช้ระบบชิปการ์ดที่ยากต่อการปลอมแปลง
ผู้ต้องหาให้การว่า ได้รับรหัสบัตรเครดิตที่ส่วนใหญ่เป็นของชาวยุโรป และจะนำข้อมูลที่ได้เขียนลงในบัตรพลาสติก จากนั้นจะตระเวนกดเงินสด
เบื้องต้น ตำรวจประเมินว่า ความเสียหายไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท แต่จากการสอบสวนไม่พบว่า มีคนไทยตกเป็นผู้เสียหาย เนื่องจากข้อมูลรหัสบัตรเครดิตส่วนใหญ่เป็นของชาวยุโรป ตำรวจจึงตั้งข้อหาปลอมบัตรเครดิตและมีเครื่องมือที่ใช้ในการปลอมแปลงบัตรเครดิต พร้อมสืบสวนหาผู้ร่วมขบวนการ เนื่องจากมีลักษณะเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ
คณะทำงานป้องกันการทุจริตบัตรเครดิต ชมรมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศแถบยุโรปส่วนใหญ่ ใช้บัตรเครดิตระบบแถบแม่เหล็ก ซึ่งสามารถปลอมได้ง่าย ส่วนประเทศไทยเปลี่ยนมาใช้ระบบชิปการ์ดที่ยากต่อการปลอมแปลง
