นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อาจจะตัดสินใจย้ายออกจากนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เนื่องจากถูกกงสุลใหญ่ ที่นครดูไบ จับตาดูพฤติกรรมเป็นพิเศษและรายงานมายังรัฐบาลไทย จึงอาจจะย้ายไปประเทศที่ไม่มีสถานเอกอัครราชทูตไทย และกงสุลใหญ่ไทยตั้งอยู่ว่า กระทรวงการต่างประเทศต้องดำเนินการตามคำขอจากสำนักงานอัยการสูงสุดและเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมยืนยันว่า สถานเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยไม่ได้มีหน้าที่คอยเฝ้าอดีตนายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวอีกว่า ในระหว่างที่ตนเองเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ รัฐมนตรีต่างประเทศสวาซิแลนด์ ซึ่งเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยเดินทางไป ได้ขอเข้าพบตนเองเพื่อชี้แจงว่า ประเทศสวาซิแลนด์ไม่เคยเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าร่วมงาน แต่มีบุคคลอื่นเชิญมา และได้ถ่ายรูปร่วมกัน จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศสวาซิแลนด์ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สวาซิแลนด์รู้สึกอับอายและเสียชื่อเสียง โดยทางสวาซิแลนด์ยังคงต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศไทย โดยอยากจะเข้าไปลงทุนในธุรกิจเหมืองถ่านหิน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวอีกว่า ในระหว่างที่ตนเองเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ รัฐมนตรีต่างประเทศสวาซิแลนด์ ซึ่งเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยเดินทางไป ได้ขอเข้าพบตนเองเพื่อชี้แจงว่า ประเทศสวาซิแลนด์ไม่เคยเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าร่วมงาน แต่มีบุคคลอื่นเชิญมา และได้ถ่ายรูปร่วมกัน จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศสวาซิแลนด์ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สวาซิแลนด์รู้สึกอับอายและเสียชื่อเสียง โดยทางสวาซิแลนด์ยังคงต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศไทย โดยอยากจะเข้าไปลงทุนในธุรกิจเหมืองถ่านหิน