นายวสันต์ มีวงษ์ รองโฆษกกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงการออกสำรวจจุดเสี่ยงต่างๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ ตามจุดล่อแหลม ที่เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อประชาชนว่า เรื่องการดูแลในเรื่องดังกล่าวนั้น เป็นนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอยู่แล้ว ที่จะดูแลความปลอดภัยของประชาชน ทั้งนี้ได้สั่งการให้สำนักงานเขต ทั้ง 50 เขต ออกสำรวจที่ดินรกร้างว่างเปล่าว่ามีมากน้อยเท่าใด และให้รายงานเข้ามายัง กทม. เพื่อบริหารจัดการปรับเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่สีเขียว ตามนโยบายสร้างพื้นที่สีเขียว 5000 ไร่ ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แต่ถ้าเป็นที่ดินเอกชนโดยหลักแล้ว กทม. จะไม่สามารถเข้าไปดำเนินการใดๆ ได้ จะประสานขอความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่ ของ กทม.เข้าไปถางให้โล่งดูปลอดภัย หรือขอเข้าไปบริหารจัดการให้เป็นพื้นที่สีเขียว เพื่อใช้สอยในสาธารณะประโยชน์ของคน กทม. โดยเจ้าของที่ดินจะไม่เสียสิทธิ์ในพื้นที่ตัวเอง ส่วนในการแก้ไขปัญหาในภาพใหญ่นั้น จะต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องมาช่วยแก้ไขปัญหาระยะยาว เพื่อความปลอดภัยของประชาชนต่อไป
อย่างไรก็ตาม รองโฆษกกรุงเทพมหานคร ระบุเพิ่มเติมว่า ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ฆ่าข่มขืนหลังป้ายรถเมล์นั้น ทาง กทม.ได้ทำงานประสานกับ ตำรวจนครบาล ถึงเรื่องการตรวจตราตาม ซอยเปลี่ยวต่างๆ มาโดยตลอด ขณะที่การเฝ้าระวังด้านอื่น เช่น ติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างในจุดเสี่ยง การติดตั้งกล้อง CCTV จำนวน 20,000 ตัว นั้น ก็กำลังเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม รองโฆษกกรุงเทพมหานคร ระบุเพิ่มเติมว่า ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ฆ่าข่มขืนหลังป้ายรถเมล์นั้น ทาง กทม.ได้ทำงานประสานกับ ตำรวจนครบาล ถึงเรื่องการตรวจตราตาม ซอยเปลี่ยวต่างๆ มาโดยตลอด ขณะที่การเฝ้าระวังด้านอื่น เช่น ติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างในจุดเสี่ยง การติดตั้งกล้อง CCTV จำนวน 20,000 ตัว นั้น ก็กำลังเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว