พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นประธานเปิดงานสัมมนา "การจัดทำแนวทางการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ" โดยใช้ความรู้ด้านบัญชี ภาษี อากร และการเงิน ณ สถาบันวิทยาการตลาดทุน พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (29 ก.ย.) ที่โยกย้ายตนไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ว่า ต้องขอบคุณนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กับตำแหน่งใหม่ พร้อมยืนยันว่าไม่รู้สึกน้อยใจกับการถูกโยกย้าย เพราะตำแหน่งใหม่คือความภูมิใจของข้าราชการ
ส่วนการถูกโยกย้ายครั้งนี้ สะท้อนว่า การเมืองเข้ามาแทรกแซงการทำงานของข้าราชการประจำหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า ระหว่างอยู่ในตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไม่เคยถูกการเมืองเข้ามาแทรกแซงการทำคดี และขอชี้แจงว่าดีเอสไอไม่ได้อยู่ได้ด้วยอธิบดีคนใดคนหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญคือพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ บุคคลอื่นไม่ว่าจะเป็นใครไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้ และยืนยันด้วยว่า ไม่เคยมีความคิดที่จะลาออกไปเล่นการเมือง
ด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดีดีเอสไอ ได้แถลงลาออกจาการทำหน้าที่โฆษกดีเอสไอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันนี้ โดยระบุว่า ต้องการแสดงความรับผิดชอบในการทำหน้าที่ที่ผ่านมา ซึ่งมีความไม่เรียบร้อยเกิดขึ้นจากการที่มีข้าราชการในสังกัดออกมาให้ข่าวกับสื่อมวลชนโดยไม่ผ่านกองงานโฆษก ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้องตามระเบียบของดีเอสไอ ที่การให้ข่าวจะต้องมาจากตนเพียงผู้เดียว และข่าวดังกล่าวยังเป็นไปโดยมีอคติกับผู้บังคับบัญชา สร้างความเสียหายให้กับภาพลักษณ์องค์กร พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งกับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอคนใหม่ เนื่องจากเคยทำงานร่วมกัน โดยตนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชามาก่อน สมัยที่นายธาริต เป็นรองอธิบดีดีเอสไอ
ส่วนการถูกโยกย้ายครั้งนี้ สะท้อนว่า การเมืองเข้ามาแทรกแซงการทำงานของข้าราชการประจำหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า ระหว่างอยู่ในตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไม่เคยถูกการเมืองเข้ามาแทรกแซงการทำคดี และขอชี้แจงว่าดีเอสไอไม่ได้อยู่ได้ด้วยอธิบดีคนใดคนหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญคือพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ บุคคลอื่นไม่ว่าจะเป็นใครไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้ และยืนยันด้วยว่า ไม่เคยมีความคิดที่จะลาออกไปเล่นการเมือง
ด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดีดีเอสไอ ได้แถลงลาออกจาการทำหน้าที่โฆษกดีเอสไอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันนี้ โดยระบุว่า ต้องการแสดงความรับผิดชอบในการทำหน้าที่ที่ผ่านมา ซึ่งมีความไม่เรียบร้อยเกิดขึ้นจากการที่มีข้าราชการในสังกัดออกมาให้ข่าวกับสื่อมวลชนโดยไม่ผ่านกองงานโฆษก ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้องตามระเบียบของดีเอสไอ ที่การให้ข่าวจะต้องมาจากตนเพียงผู้เดียว และข่าวดังกล่าวยังเป็นไปโดยมีอคติกับผู้บังคับบัญชา สร้างความเสียหายให้กับภาพลักษณ์องค์กร พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งกับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอคนใหม่ เนื่องจากเคยทำงานร่วมกัน โดยตนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชามาก่อน สมัยที่นายธาริต เป็นรองอธิบดีดีเอสไอ
