นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเศรษฐกิจมหภาค ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงฐานะการคลังของรัฐบาล ตามระบบสถิติเพื่อการศึกษาและวิเคราะห์นโยบายการคลัง หรือ สศค. ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552 ว่า ภาครัฐบาล ซึ่งประกอบด้วย รัฐบาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ อปท. สามารถอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ หรือ ขาดดุลการคลังแล้วกว่า 251,400 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.8 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP เนื่องจากสามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้สูงกว่ารายได้ที่ได้รับ โดยมีการเบิกจ่ายงบประมาณรวมการให้กู้หักชำระคืนตามนโยบายรัฐบาลกว่า 1,834,500 ล้านบาท ในขณะที่มีรายได้รวม 1,592,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขาดดุลการคลังเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 228,000 ล้านบาท สะท้อนถึงบทบาทของนโยบายการคลังในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และเป็นไปตามเป้าหมายการดำเนินนโยบายการคลังของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่
โฆษกกระทรวงการคลัง ชี้แจงเพิ่มเติมว่า สำหรับรายได้ภาครัฐบาล จำนวน 1,592,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ที่ได้รับจากรัฐบาล 1,000,000 ล้านบาท อปท. 255,700 ล้านบาท และบัญชีเงินนอกงบประมาณ กว่า 283,600 ล้านบาท ส่วนรายจ่ายภาครัฐบาลที่สูงถึง 1,834,500 ล้านบาท มาจากการเบิกจ่ายจากของรัฐบาลจำนวนกว่า 1,384,000 ล้านบาท อปท.เบิกจ่ายกว่า 225,600 ล้านบาท เงินกู้ต่างประเทศ มีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 5,600 ล้านบาท และบัญชีเงินนอกงบประมาณ อีกกว่า 228,000 ล้านบาท
โฆษกกระทรวงการคลัง ชี้แจงเพิ่มเติมว่า สำหรับรายได้ภาครัฐบาล จำนวน 1,592,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ที่ได้รับจากรัฐบาล 1,000,000 ล้านบาท อปท. 255,700 ล้านบาท และบัญชีเงินนอกงบประมาณ กว่า 283,600 ล้านบาท ส่วนรายจ่ายภาครัฐบาลที่สูงถึง 1,834,500 ล้านบาท มาจากการเบิกจ่ายจากของรัฐบาลจำนวนกว่า 1,384,000 ล้านบาท อปท.เบิกจ่ายกว่า 225,600 ล้านบาท เงินกู้ต่างประเทศ มีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 5,600 ล้านบาท และบัญชีเงินนอกงบประมาณ อีกกว่า 228,000 ล้านบาท
