หลังจากพนักงานอัยการสูงสุดนำเอกสารคำร้องยื่นต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายโมฮัมเหม็ด อัลลูไวรี นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย เป็นบุคคลสาบสูญ เมื่อวานนี้ ล่าสุด ศาลแพ่งกรุงเทพใต้มีคำสั่งรับคำรัองและไต่สวนครั้งแรกในวันที่ 19 ตุลาคมนี้ เวลา 13.00 น.
ก่อนหน้านี้ พนักงานอัยการสูงสุดได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เรื่องการขอให้นายอัลลูไวรี เป็นบุคคลสาบสูญ โดยในคำร้องระบุว่า นายอัลลูไวรี ได้หายจากภูมิลำเนาเกินกว่า 5 ปี โดยไม่มีใครทราบว่าอยู่ทีไหน และการหายตัวไปในครั้งนี้ยังไม่สามารถหาตัวผู้กระทำความผิดได้ อีกทั้งคดีจะหมดอายุความในปีหน้า
นายอัลลูไวรี ได้หายตัวไปเมื่อปี 2533 ในช่วงเกิดคดีสังหารเจ้าหน้าที่ทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย 4 คน โดยตำรวจพบว่านายอัลลูไวรี มีความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ทูต และตกเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับการขัดผลประโยชน์เรื่องการส่งแรงงานไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งทั้งสองคดีได้สร้างผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยรัฐบาลซาอุดีอาระเบียต้องการคำตอบที่ชัดเจนว่านายอัลลูไวรี เสียชีวิตแล้ว เพื่อให้สมาชิกในครอบครัวสามารถดำเนินการเรื่องทรัพย์สิน หรือศาลจะต้องระบุว่านายอัลลูไวรี เป็นบุคคลสาบสูญ
ก่อนหน้านี้ พนักงานอัยการสูงสุดได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เรื่องการขอให้นายอัลลูไวรี เป็นบุคคลสาบสูญ โดยในคำร้องระบุว่า นายอัลลูไวรี ได้หายจากภูมิลำเนาเกินกว่า 5 ปี โดยไม่มีใครทราบว่าอยู่ทีไหน และการหายตัวไปในครั้งนี้ยังไม่สามารถหาตัวผู้กระทำความผิดได้ อีกทั้งคดีจะหมดอายุความในปีหน้า
นายอัลลูไวรี ได้หายตัวไปเมื่อปี 2533 ในช่วงเกิดคดีสังหารเจ้าหน้าที่ทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย 4 คน โดยตำรวจพบว่านายอัลลูไวรี มีความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ทูต และตกเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับการขัดผลประโยชน์เรื่องการส่งแรงงานไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งทั้งสองคดีได้สร้างผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยรัฐบาลซาอุดีอาระเบียต้องการคำตอบที่ชัดเจนว่านายอัลลูไวรี เสียชีวิตแล้ว เพื่อให้สมาชิกในครอบครัวสามารถดำเนินการเรื่องทรัพย์สิน หรือศาลจะต้องระบุว่านายอัลลูไวรี เป็นบุคคลสาบสูญ
