นายวุฒิชัย สิงหมณี รองอธิบดีกรมการการขนส่งทางอากาศ เปิดเผยว่า ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนอากาศยานอุบัติเหตุในราชอาณาจักร เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ จะเรียกประชุมคณะอนุกรรมการ เพื่อสรุปสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ATR 72 เที่ยวบิน PG 266 ซึ่งเดินทางมาจาก จ.กระบี่ ลื่นไถลพุ่งชนหอบังคับการบินของสนามบินเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 52
โดยจากข้อมูลในเบื้องต้นจากกล่องดำทั้ง 2 กล่อง ที่ได้ส่งไปตรวจสอบที่ประเทศฝรั่งเศส ทราบว่าสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นเพราะขณะที่ลงจอดนั้น เครื่องบินประสบกับลมกระโชกจากผิวพื้นความเร็วที่ 30 นอต ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อการลงจอดของเครื่องบินทุกชนิด เพราะปกติแล้วความเร็วลมที่ 15-20 นอตก็ถือว่าต้องระมัดระวังแล้ว ซึ่งความเร็วลมภาคพื้นขณะที่จะนำเครื่องลงจอดนั้นจะตรวจสอบไม่ได้ก่อนล่วงหน้า และทราบว่าผู้ที่ทำหน้าที่ในการบินก็ได้ระมัดระวังอย่างดีอยู่แล้วก่อนนำเครื่องลงจอด
อย่างไรก็ตาม จะมีการสืบสวนจากข้อมูลด้านอื่น ๆ มาประกอบด้วย ก่อนสรุปถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ เช่น การทำงานของเครื่องยนต์ การทำงานของใบพัดว่ามีส่วนใดที่บกพร่องหรือไม่อย่างไร รวมถึงหลังจากที่ผู้ช่วยนักบินมีอาการดีขึ้นก็จะเข้าไปสอบถาม พูดคุยถึงการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ด้วย ก่อนจะนำเสนอผลการสอบสวนทั้งหมดต่อคณะกรรมการสอบสวนอากาศยานอุบัติเหตุในราชอาณาจักร ที่มีนายสุรชัย ธารสิทธิ์พงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน เพื่อรับทราบและแถลงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุอย่างเป็นทางการต่อไป
กัปตันศรัณย์พล ผุลละศิริ นายกสมาคมนักบินไทย กล่าวว่า ตามปกติแล้วการตรวจจับความเร็วลมก่อนนำเครื่องลงจอดนั้นหอบังคับการบินจะสามารถตรวจจับความเร็วลมได้เฉพาะลมที่เกิดขึ้นตามปกติ และกัปตันจะใช้วิจารณญาณว่าความเร็วลมที่ได้รับแจ้งมานั้นจะสามารถนำเครื่องลงจอดได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ ส่วนลมที่หอบังคับการบินไม่สามารถตรวจจับได้ก็คือ ลมกระโชกที่พัดมาอย่างกะทันหันในช่วงที่นำเครื่องลงจอด และเป็นลมที่พัดมาอย่างรุนแรง ส่วนการต้านแรงลมได้มากน้อยเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับรุ่นและขนาดของเครื่องบินแต่ละลำ ที่จะมีสมรรถภาพแตกต่างกันออกไป บางรุ่นสามารถต้านได้แม้มีลมกระโชกที่พัดรุนแรง
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากัปตันทุกคนมีความรู้ความสามารถทุกคน แต่การมีลมกระโชกแรงอย่างกะทันหันขณะที่นำเครื่องลงจอดถือเป็นเหตุสุดวิสัยที่นักบินทุกคนจะต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องฉุกเฉิน นอกจากนี้ ขอเตือนผู้โดยสารทุกคนว่าแม้ว่าเครื่องบินจะแตะพื้นรันเวย์แล้วก็ไม่ควรจะปลดเข็มขัด และต้องรอให้เครื่องจอดสนิทและสัญญาณปลดเข็มขัดดังก่อนทุกครั้ง เพราะเป็นอันตรายมากหากระหว่างที่เครื่องบินกำลังแท็กซี่ไปตามรันเวย์แล้วเกิดการสะดุด หรือเบรกกะทันหัน ก็จะทำให้ผู้โดยสารที่ปลดเข็มขัดได้รับอันตรายมากกว่าผู้โดยสารที่คาดเข็มขัดนิรภัยไว้ตลอดเวลา
โดยจากข้อมูลในเบื้องต้นจากกล่องดำทั้ง 2 กล่อง ที่ได้ส่งไปตรวจสอบที่ประเทศฝรั่งเศส ทราบว่าสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นเพราะขณะที่ลงจอดนั้น เครื่องบินประสบกับลมกระโชกจากผิวพื้นความเร็วที่ 30 นอต ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อการลงจอดของเครื่องบินทุกชนิด เพราะปกติแล้วความเร็วลมที่ 15-20 นอตก็ถือว่าต้องระมัดระวังแล้ว ซึ่งความเร็วลมภาคพื้นขณะที่จะนำเครื่องลงจอดนั้นจะตรวจสอบไม่ได้ก่อนล่วงหน้า และทราบว่าผู้ที่ทำหน้าที่ในการบินก็ได้ระมัดระวังอย่างดีอยู่แล้วก่อนนำเครื่องลงจอด
อย่างไรก็ตาม จะมีการสืบสวนจากข้อมูลด้านอื่น ๆ มาประกอบด้วย ก่อนสรุปถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ เช่น การทำงานของเครื่องยนต์ การทำงานของใบพัดว่ามีส่วนใดที่บกพร่องหรือไม่อย่างไร รวมถึงหลังจากที่ผู้ช่วยนักบินมีอาการดีขึ้นก็จะเข้าไปสอบถาม พูดคุยถึงการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ด้วย ก่อนจะนำเสนอผลการสอบสวนทั้งหมดต่อคณะกรรมการสอบสวนอากาศยานอุบัติเหตุในราชอาณาจักร ที่มีนายสุรชัย ธารสิทธิ์พงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน เพื่อรับทราบและแถลงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุอย่างเป็นทางการต่อไป
กัปตันศรัณย์พล ผุลละศิริ นายกสมาคมนักบินไทย กล่าวว่า ตามปกติแล้วการตรวจจับความเร็วลมก่อนนำเครื่องลงจอดนั้นหอบังคับการบินจะสามารถตรวจจับความเร็วลมได้เฉพาะลมที่เกิดขึ้นตามปกติ และกัปตันจะใช้วิจารณญาณว่าความเร็วลมที่ได้รับแจ้งมานั้นจะสามารถนำเครื่องลงจอดได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ ส่วนลมที่หอบังคับการบินไม่สามารถตรวจจับได้ก็คือ ลมกระโชกที่พัดมาอย่างกะทันหันในช่วงที่นำเครื่องลงจอด และเป็นลมที่พัดมาอย่างรุนแรง ส่วนการต้านแรงลมได้มากน้อยเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับรุ่นและขนาดของเครื่องบินแต่ละลำ ที่จะมีสมรรถภาพแตกต่างกันออกไป บางรุ่นสามารถต้านได้แม้มีลมกระโชกที่พัดรุนแรง
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากัปตันทุกคนมีความรู้ความสามารถทุกคน แต่การมีลมกระโชกแรงอย่างกะทันหันขณะที่นำเครื่องลงจอดถือเป็นเหตุสุดวิสัยที่นักบินทุกคนจะต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องฉุกเฉิน นอกจากนี้ ขอเตือนผู้โดยสารทุกคนว่าแม้ว่าเครื่องบินจะแตะพื้นรันเวย์แล้วก็ไม่ควรจะปลดเข็มขัด และต้องรอให้เครื่องจอดสนิทและสัญญาณปลดเข็มขัดดังก่อนทุกครั้ง เพราะเป็นอันตรายมากหากระหว่างที่เครื่องบินกำลังแท็กซี่ไปตามรันเวย์แล้วเกิดการสะดุด หรือเบรกกะทันหัน ก็จะทำให้ผู้โดยสารที่ปลดเข็มขัดได้รับอันตรายมากกว่าผู้โดยสารที่คาดเข็มขัดนิรภัยไว้ตลอดเวลา