นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ลงนามร่วมกับ นางอรรชกา ศรีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อผลักดันให้ผู้ประกอบการที่ขอรับส่งเสริมการลงทุน เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ โดยได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยไม่จำกัดวงเงิน เพื่อจูงใจให้บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า บีโอไอจะทำการคัดเลือกบริษัทที่มีศักยภาพประมาณ 50 บริษัท ที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อรับสิทธิประโยชน์ดังกล่าว
นางภัทรียา กล่าวว่า ธุรกิจเป้าหมาย ได้แก่กลุ่มเกษตรและอาหาร อุตสาหกรรมเบาที่ใช้เงินลงทุนต่ำ แต่ให้ผลตอบแทนสูง นิคมอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมหนักที่ต้องใช้เงินลงทุนและพึ่งพาเงินลงทุนจากบริษัทแม่ในต่างประเทศได้น้อยลง
ด้าน นางอรรชกา กล่าวว่า มาตรการดังกล่าว จะเอื้ออำนวยให้กิจการทุกประเภทที่บีโอไอให้การส่งเสริมการลงทุนนำบริษัทเข้าจดทะเบียน อยู่ในข่ายได้รับสิทธิยกเว้นภาษีนิติบุคคลในลักษณะไม่จำกัดวงเงิน จากเดิมที่ถูกจำกัดไว้ไม่เกินขนาดการลงทุนในโครงการ ซึ่งมาตรการดังกล่าว จะเป็นประโยชน์กับกิจการที่มีศักยภาพและสามารถสร้างกำไรได้มากกว่าวงเงินที่ขออนุมัติไว้ และเพื่อให้มาตรการดังกล่าวกระตุ้นให้บริษัทที่มีศักยภาพเข้าจดทะเบียนช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ จึงกำหนดให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า บีโอไอจะทำการคัดเลือกบริษัทที่มีศักยภาพประมาณ 50 บริษัท ที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อรับสิทธิประโยชน์ดังกล่าว
นางภัทรียา กล่าวว่า ธุรกิจเป้าหมาย ได้แก่กลุ่มเกษตรและอาหาร อุตสาหกรรมเบาที่ใช้เงินลงทุนต่ำ แต่ให้ผลตอบแทนสูง นิคมอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมหนักที่ต้องใช้เงินลงทุนและพึ่งพาเงินลงทุนจากบริษัทแม่ในต่างประเทศได้น้อยลง
ด้าน นางอรรชกา กล่าวว่า มาตรการดังกล่าว จะเอื้ออำนวยให้กิจการทุกประเภทที่บีโอไอให้การส่งเสริมการลงทุนนำบริษัทเข้าจดทะเบียน อยู่ในข่ายได้รับสิทธิยกเว้นภาษีนิติบุคคลในลักษณะไม่จำกัดวงเงิน จากเดิมที่ถูกจำกัดไว้ไม่เกินขนาดการลงทุนในโครงการ ซึ่งมาตรการดังกล่าว จะเป็นประโยชน์กับกิจการที่มีศักยภาพและสามารถสร้างกำไรได้มากกว่าวงเงินที่ขออนุมัติไว้ และเพื่อให้มาตรการดังกล่าวกระตุ้นให้บริษัทที่มีศักยภาพเข้าจดทะเบียนช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ จึงกำหนดให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2