ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาคดีที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตลูกพรรค ฐานหมิ่นประมาท
เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2551 นายชูวิทย์ ได้แถลงข่าวที่บริเวณหน้าที่ทำการพรรคชาติไทย โดยนำภาพถ่ายของนายบรรหาร มาโชว์ให้กับสื่อมวลชน พร้อมระบุว่า ควรวางมือจากฉายาหลงจู๊ เนื่องจากเป็นคนที่ไร้สัจจะ ไม่มีจุดยืน โกหกประชาชน โดยทำทุกวิถีทางที่จะเข้าร่วมรัฐบาลในสมัยนั้น
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่าการแสดงออกของจำเลย เป็นการแสดงออกทางการเมือง และเป็นการแสดงจุดยืนของจำเลยที่จะไม่เข้าร่วมรัฐบาล เนื่องจากก่อนหน้านั้นจำเลยได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าจะไม่ขอเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน อีกทั้งโจทก์เป็นบุคคลสาธารณะที่อยู่ในความสนใจของประชาชน จำเลยจึงมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์และแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้ ศาลวิเคราะห์เห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท พิพากษายกฟ้อง
นายชูวิทย์ กล่าวภายหลังว่า ขอให้คดีนี้เป็นตัวอย่างที่ประชาชนมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์นักการเมือง และจะไม่ฟ้องกลับนายบรรหารด้วย
เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2551 นายชูวิทย์ ได้แถลงข่าวที่บริเวณหน้าที่ทำการพรรคชาติไทย โดยนำภาพถ่ายของนายบรรหาร มาโชว์ให้กับสื่อมวลชน พร้อมระบุว่า ควรวางมือจากฉายาหลงจู๊ เนื่องจากเป็นคนที่ไร้สัจจะ ไม่มีจุดยืน โกหกประชาชน โดยทำทุกวิถีทางที่จะเข้าร่วมรัฐบาลในสมัยนั้น
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่าการแสดงออกของจำเลย เป็นการแสดงออกทางการเมือง และเป็นการแสดงจุดยืนของจำเลยที่จะไม่เข้าร่วมรัฐบาล เนื่องจากก่อนหน้านั้นจำเลยได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าจะไม่ขอเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน อีกทั้งโจทก์เป็นบุคคลสาธารณะที่อยู่ในความสนใจของประชาชน จำเลยจึงมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์และแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้ ศาลวิเคราะห์เห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท พิพากษายกฟ้อง
นายชูวิทย์ กล่าวภายหลังว่า ขอให้คดีนี้เป็นตัวอย่างที่ประชาชนมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์นักการเมือง และจะไม่ฟ้องกลับนายบรรหารด้วย