การประชุมคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติวันนี้ จะมีกรรมการที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 10 คน ไม่นับรวมนายกรัฐมนตรีที่จะลงคะแนนได้ต่อเมื่อ มีการลงคะแนนเสียงเท่ากันเท่านั้น ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีในการคัดเลือกนายตำรวจยศ พล.ต.อ.เพื่อเสนอเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพียงรายชื่อเดียว แต่คณะกรรมการมีสิทธิ์ที่จะเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยกับชื่อที่นายกรัฐมนตรีเสนอได้ โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ จะต้องได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งขององค์ประชุม
ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีจะเสนอชื่อ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ หลังจากที่เมื่อวานนี้ได้เปิดโอกาสให้ทั้ง พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าแสดงวิสัยทัศน์ ในช่วงเช้า ที่ทำเนียบรัฐบาล และให้ พล.ต.อ.ปทีป แสดงวิสัยทัศน์ในช่วงบ่าย ที่อาคารรัฐสภา โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่า คุณสมบัติผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ จะต้องได้รับการยอมรับจากคนในสังคม และสามารถบริหารงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน จะต้องดูแลบ้านเมืองให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยได้ รวมทั้งดูแลคดีต่างๆ ให้เดินหน้าอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งถือเป็นภาระหนักของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่
สำหรับ พล.ต.อ.ปทีป แม้ว่าจะไม่ได้ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่มีความอาวุโสเป็นอันดับที่ 2 และเคยมีโอกาสได้รักษาราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาแล้วครั้งหนึ่ง ในช่วงที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ มาช่วยราชการที่ทำเนียบรัฐบาล
โดย พล.ต.อ.ปทีป เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 25 จะเกษียณอายุราชการปี 2553 หรือเหลืออายุราชการอีก 1 ปี เช่นเดียวกับ พล.ต.อ.จุมพล
ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีจะเสนอชื่อ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ หลังจากที่เมื่อวานนี้ได้เปิดโอกาสให้ทั้ง พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าแสดงวิสัยทัศน์ ในช่วงเช้า ที่ทำเนียบรัฐบาล และให้ พล.ต.อ.ปทีป แสดงวิสัยทัศน์ในช่วงบ่าย ที่อาคารรัฐสภา โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่า คุณสมบัติผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ จะต้องได้รับการยอมรับจากคนในสังคม และสามารถบริหารงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน จะต้องดูแลบ้านเมืองให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยได้ รวมทั้งดูแลคดีต่างๆ ให้เดินหน้าอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งถือเป็นภาระหนักของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่
สำหรับ พล.ต.อ.ปทีป แม้ว่าจะไม่ได้ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่มีความอาวุโสเป็นอันดับที่ 2 และเคยมีโอกาสได้รักษาราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาแล้วครั้งหนึ่ง ในช่วงที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ มาช่วยราชการที่ทำเนียบรัฐบาล
โดย พล.ต.อ.ปทีป เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 25 จะเกษียณอายุราชการปี 2553 หรือเหลืออายุราชการอีก 1 ปี เช่นเดียวกับ พล.ต.อ.จุมพล