นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า กกต.จะสามารถลงมติ กรณี 44 ส.ส.ถือหุ้นสัปทานรัฐได้ภายในวันนี้ เพราะการรวบรวมหลักฐานของคณะอนุ กกต.ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว อีกทั้ง ส.ส.ทั้ง 44 คน ก็ได้ส่งหลักฐานการชี้แจงครบถ้วนหมดแล้วเช่นกัน คาดว่าคงไม่มีอะไรต้องทำให้ขยายเวลาออกไปอีก โดยกรอบการพิจารณาจะใช้หลักเกณฑ์เดิมที่ได้วินิจฉัย ส.ส.และ ส.ว. ไปก่อนหน้านี้ ซึ่ง คณะอนุ กกต.ก็ได้มีความเห็นในเบื้องต้นมาแล้ว
ส่วนกรณีที่คดียังไม่ถึงที่สุด เพราะต้องรอการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ส.ส.และ ส.ว.ที่ถูก กกต. วินิจฉัยให้พ้นสภาพ จะต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่นั้น นางสดศรี กล่าวว่า กกต.ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้ เพราะการทำหน้าที่ของ กกต.ถือว่าจบแล้ว เพราะมีหน้าที่พิจารณาสถานภาพของ ส.ส. และ ส.ว.เท่านั้น แต่กรณีที่ ส.ว.ไปร้องกับศาลปกครอง มองว่าจะทำให้เรื่องยืดเยื้อต่อไปอีก ซึ่งต้องดูว่าศาลปกครองมีอำนาจขอบเขตแค่ไหน ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่หนักใจ เพราะถือเป็นการทำตามหน้าที่ และ กกต.ก็เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีหน้าที่ตรวจสอบการจัดการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม นางสดศรี เสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดอำนาจหน้าที่ของ กกต.ให้ทำเฉพาะเรื่องการเลือกตั้ง เพราะไม่เช่นนั้น กกต.ก็จะถูกฟ้องร้องอยู่ตลอด เพราะงานที่ กกต.ทำอยู่ทุกวันนี้ ล้วนเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการเมืองมากเกินไป ถือเป็นเรื่องอันตรายสำหรับ กกต. เพราะเป็นของร้อน ดังนั้น จึงอยากจะขอความเห็นใจเพราะไม่อยากตกเป็นจำเลยในชั้นศาล
นอกจากนี้ นางสดศรี ยังได้กล่าวถึงคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาทของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า คงต้องมีการปรับเปลี่ยนคณะอนุ กกต.เนื่องจากมี กกต.ใหม่ และพบว่ามีคณะอนุกรรมการบางคนเกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งยืนยันว่าไม่ใช่เพราะมีข่าวรั่วไหล
ส่วนกรณีที่คดียังไม่ถึงที่สุด เพราะต้องรอการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ส.ส.และ ส.ว.ที่ถูก กกต. วินิจฉัยให้พ้นสภาพ จะต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่นั้น นางสดศรี กล่าวว่า กกต.ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้ เพราะการทำหน้าที่ของ กกต.ถือว่าจบแล้ว เพราะมีหน้าที่พิจารณาสถานภาพของ ส.ส. และ ส.ว.เท่านั้น แต่กรณีที่ ส.ว.ไปร้องกับศาลปกครอง มองว่าจะทำให้เรื่องยืดเยื้อต่อไปอีก ซึ่งต้องดูว่าศาลปกครองมีอำนาจขอบเขตแค่ไหน ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่หนักใจ เพราะถือเป็นการทำตามหน้าที่ และ กกต.ก็เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีหน้าที่ตรวจสอบการจัดการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม นางสดศรี เสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดอำนาจหน้าที่ของ กกต.ให้ทำเฉพาะเรื่องการเลือกตั้ง เพราะไม่เช่นนั้น กกต.ก็จะถูกฟ้องร้องอยู่ตลอด เพราะงานที่ กกต.ทำอยู่ทุกวันนี้ ล้วนเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการเมืองมากเกินไป ถือเป็นเรื่องอันตรายสำหรับ กกต. เพราะเป็นของร้อน ดังนั้น จึงอยากจะขอความเห็นใจเพราะไม่อยากตกเป็นจำเลยในชั้นศาล
นอกจากนี้ นางสดศรี ยังได้กล่าวถึงคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาทของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า คงต้องมีการปรับเปลี่ยนคณะอนุ กกต.เนื่องจากมี กกต.ใหม่ และพบว่ามีคณะอนุกรรมการบางคนเกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งยืนยันว่าไม่ใช่เพราะมีข่าวรั่วไหล