นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการกลั่นกรองโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 18 สิงหาคมนี้ พิจารณาโครงการลงทุนภายใต้กรอบเงินลงทุน 200,000 ล้านบาท ตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ 400,000 ล้านบาท โดยจะมีโครงการลงทุน 400 โครงการ
นายสถิตย์ กล่าวว่า โครงการลงทุนตาม พ.ร.ก.ดังกล่าว ต้องมีความพร้อมของโครงการ มีบันทึกรายละเอียดไว้ในระบบอี-บัดเก็ตติ้ง (e-budgetting) ของสำนักงบประมาณเรียบร้อยแล้ว และต้องเป็นโครงการที่ลงทุนให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี เพื่อให้มีเงินเข้าสู่ระบบโดยเร็ว ที่สำคัญประชาชนต้องได้รับประโยชน์โดยตรง และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง ซึ่งคาดว่าการกู้เงินในช่วง 5 เดือนที่เหลือของปีนี้จะใช้เงินลงทุน 27,500 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนในโครงการต่างๆ รวม 13,000 ล้านบาท และเพิ่มทุนให้กับสถาบันการเงินของรัฐวงเงินรวม 14,500 ล้านบาท
สำหรับการกู้เงิน ตาม พ.ร.ก.เดิมแยกเป็นการกู้เงินเพื่อชดเชยเงินคงคลัง 200,000 ล้านบาท และเพื่อการลงทุนอีก 200,000 ล้านบาท แต่ขณะนี้พบว่ารัฐบาลอาจขาดดุลงบประมาณต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ กระทรวงการคลังจึงจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบนำเงินส่วนที่เหลือจากการชดเชยเงินคงคลังมาเพิ่มในส่วนของการลงทุนแทน
นายสถิตย์ กล่าวว่า โครงการลงทุนตาม พ.ร.ก.ดังกล่าว ต้องมีความพร้อมของโครงการ มีบันทึกรายละเอียดไว้ในระบบอี-บัดเก็ตติ้ง (e-budgetting) ของสำนักงบประมาณเรียบร้อยแล้ว และต้องเป็นโครงการที่ลงทุนให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี เพื่อให้มีเงินเข้าสู่ระบบโดยเร็ว ที่สำคัญประชาชนต้องได้รับประโยชน์โดยตรง และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง ซึ่งคาดว่าการกู้เงินในช่วง 5 เดือนที่เหลือของปีนี้จะใช้เงินลงทุน 27,500 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนในโครงการต่างๆ รวม 13,000 ล้านบาท และเพิ่มทุนให้กับสถาบันการเงินของรัฐวงเงินรวม 14,500 ล้านบาท
สำหรับการกู้เงิน ตาม พ.ร.ก.เดิมแยกเป็นการกู้เงินเพื่อชดเชยเงินคงคลัง 200,000 ล้านบาท และเพื่อการลงทุนอีก 200,000 ล้านบาท แต่ขณะนี้พบว่ารัฐบาลอาจขาดดุลงบประมาณต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ กระทรวงการคลังจึงจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบนำเงินส่วนที่เหลือจากการชดเชยเงินคงคลังมาเพิ่มในส่วนของการลงทุนแทน