พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะโฆษกดีเอสไอ กล่าวถึงการยึดรถยนต์เก๋งยี่ห้อเชฟโรเลต ซาฟีร่า สีบรอนซ์เทา ทะเบียน ศว 8051 กรุงเทพมหานคร ได้ที่บ้านแม่ยายของ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศูนย์ข่าว กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ช่วยราชการดีเอสไอซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดีลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล โดยรถดังกล่าวใช้ทะเบียนปลอม เพราะมีทะเบียนจริงคือ กษ 3737 เชียงใหม่ ซึ่งผู้ครองครองคือ นายชาญณรงค์ มูเซอ ผู้ต้องหาคดีค้าเฮโรอีน ที่ดีเอสไอจับได้ เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา พร้อมกับอายัดทรัพย์มูลค่า 117 ล้านบาท และรถยนต์คันดังกล่าวเป็นของกลางในคดีโดยเป็นรถ 1 ในจำนวนทั้งหมด 5 คัน ที่ยึดได้ โดยยอมรับว่าหลังยึดรถแล้วดีเอสไอได้ทำเรื่องขอใช้ประโยชน์เพื่อภารกิจราชการมาจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) โดย พล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ เลขาธิการ ป.ป.ส. มีคำสั่งอนุมัติให้ดีเอสไอใช้รถยนต์ทั้ง 5 คัน เพื่อภารกิจในราชการได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตาม พ.ร.บ. มาตรการของ ป.ป.ส. ซึ่งหนังสือดังกล่าวอยู่ระหว่างขั้นตอนดำเนินการนำหลักฐานธุรกรรมรถยนต์ของกลางเข้าระบบใหม่ในการควบคุมของกลางของดีเอสไอ ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่ ส.ต.ท.วรวุฒิ อาจจะนำรถไปใช้ เนื่องจากรถยนต์คันดังกล่าวยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นของหลวง แต่ได้รับอนุมัติจาก ป.ป.ส. ให้นำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอ พร้อมให้ความร่วมมือด้านข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกอย่าง โดยเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ นายชาติชาย โทสินสันติ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษระดับ 8 ที่โยกย้ายมาจาก ป.ป.ส. และเป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องดังกล่าว เป็นประธานตรวจสอบข้อเท็จจริงเชื่อว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ว่า รถยนต์คันดังกล่าวหลุดรอดนำไปใช้ได้อย่างไร และผิดระเบียบหรือไม่ โดยกรรมการจะเป็นผู้ชี้ข้อเท็จจริงทั้งหมดว่าใครเป็นผู้ลงนามรับรถ และรถคันดังกล่าวอยู่ในการดูแลของผู้ใด
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอ พร้อมให้ความร่วมมือด้านข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกอย่าง โดยเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ นายชาติชาย โทสินสันติ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษระดับ 8 ที่โยกย้ายมาจาก ป.ป.ส. และเป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องดังกล่าว เป็นประธานตรวจสอบข้อเท็จจริงเชื่อว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ว่า รถยนต์คันดังกล่าวหลุดรอดนำไปใช้ได้อย่างไร และผิดระเบียบหรือไม่ โดยกรรมการจะเป็นผู้ชี้ข้อเท็จจริงทั้งหมดว่าใครเป็นผู้ลงนามรับรถ และรถคันดังกล่าวอยู่ในการดูแลของผู้ใด