แพทย์หญิงสร้อยสอางค์ พิกุลสด ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวถึงกรณีเด็กหญิงวัย 4 ขวบคนหนึ่ง ติดเชื้อเอชไอวีจากการรับเลือดบริจาค ว่า เลือดบริจาคที่ให้ไปนี้มีทั้งหมด 4 ยูนิต ด้วยกัน ซึ่ง 3 ยูนิตแรก เป็นเลือดจากสภากาชาดไทย แต่ยูนิตสุดท้าย เป็นเลือดที่ทางโรงพยาบาลรับบริจาคในพื้นที่ โดยยืนยันว่า ไม่ใช่เลือดที่ส่งไปจากสภากาชาดไทย
ส่วนนายแพทย์กุลเดช เตชะนภารักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยะลา ยอมรับว่า เด็กหญิงคนนี้เป็นฝาแฝดผู้พี่ที่ร่างกายไม่แข็งแรง มีภาวะโลหิตจาง ต้องให้เลือดตั้งแต่อายุ 2 เดือน แต่ล่าสุด เด็กหญิงมีอาการท้องร่วงเรื้อรัง ซึ่งทางโรงพยาบาลทำการเจาะเลือด แล้วปรากฏว่า เธอติดเชื้อเอชไอวี ทั้งที่พ่อและแม่ไม่ได้เป็น จึงคาดว่า เด็กติดเชื้อมาจากรับเลือดบริจาคตั้งแต่ตอนอายุ 2 เดือน โดยปกติเลือดที่โรงพยาบาลรับบริจาคจะมาจากเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร และนักศึกษา หากปกติใครติดเชื้อเอชไอวีไม่เกิน 2 สัปดาห์ แล้วมาบริจาคเลือดจะไม่สามารถตรวจหาเชื้อได้
ทั้งนี้ โรงพยาบาลยะลา บอกว่า จะรับเด็กหญิงฝาแฝดผู้พี่คนนี้ เข้ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลตลอดชีวิต ตามกฎหมายสำนักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็บอกว่า เรื่องนี้เป็นความผิดพลาดที่กระทรวงสาธารณสุขต้องรับผิดชอบ
ส่วนนายแพทย์กุลเดช เตชะนภารักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยะลา ยอมรับว่า เด็กหญิงคนนี้เป็นฝาแฝดผู้พี่ที่ร่างกายไม่แข็งแรง มีภาวะโลหิตจาง ต้องให้เลือดตั้งแต่อายุ 2 เดือน แต่ล่าสุด เด็กหญิงมีอาการท้องร่วงเรื้อรัง ซึ่งทางโรงพยาบาลทำการเจาะเลือด แล้วปรากฏว่า เธอติดเชื้อเอชไอวี ทั้งที่พ่อและแม่ไม่ได้เป็น จึงคาดว่า เด็กติดเชื้อมาจากรับเลือดบริจาคตั้งแต่ตอนอายุ 2 เดือน โดยปกติเลือดที่โรงพยาบาลรับบริจาคจะมาจากเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร และนักศึกษา หากปกติใครติดเชื้อเอชไอวีไม่เกิน 2 สัปดาห์ แล้วมาบริจาคเลือดจะไม่สามารถตรวจหาเชื้อได้
ทั้งนี้ โรงพยาบาลยะลา บอกว่า จะรับเด็กหญิงฝาแฝดผู้พี่คนนี้ เข้ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลตลอดชีวิต ตามกฎหมายสำนักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็บอกว่า เรื่องนี้เป็นความผิดพลาดที่กระทรวงสาธารณสุขต้องรับผิดชอบ
