นายสมบัติ ศานติจารี ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ยอดความต้องการใช้ไฟฟ้าครึ่งแรกปี 2552 ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณร้อยละ 3.4 อย่างไรก็ตาม จากภาพที่เศรษฐกิจโลกได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และนับจากนี้คาดว่าจะค่อย ๆ ทยอยดีขึ้นและส่งผลทำให้การส่งออกไทยดีขึ้น คาดว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าครึ่งปีหลังจะขยับดีขึ้น
นายสมบัติ กล่าวว่า ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมายอดความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลงประมาณร้อยละ 0.5 ส่วนทั้งปีคาดว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะใกล้เคียงกับตัวเลขเศรษฐกิจที่หดตัวลงประมาณร้อยละ 2-4 โดยคาดว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าจะลดลงประมาณร้อยละ 2.5 ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้และเงินนำส่งรัฐให้ลดลงด้วย โดย กฟผ.ยังคงนำส่งรายได้เข้ารัฐในสัดส่วนร้อยละ 40 ของกำไร โดยปีที่ผ่านมามีการนำส่งรายได้เข้ารัฐประมาณ 12,000 ล้านบาท
ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ กฟผ.ได้หารือไปยังกระทรวงการคลัง เพื่อขอออกพันธบัตรจำหน่ายประชาชนทั่วไปวงเงิน 30,000 ล้านบาท แต่ล่าสุดกระทรวงการคลังให้คำตอบว่า จากภาวะที่รัฐบาลนำพันธบัตรออมทรัพย์ออกมาจำหน่ายให้ประชาชนในวงเงินที่สูง ดังนั้น กฟผ.จึงไม่ควรจะนำพันธบัตรออกมาจำหน่ายแก่ประชาชนในช่วงนี้ โดยควรจะใช้รูปแบบเดิมคือ จำหน่ายให้สถาบันการเงินทั่วไป ซึ่ง กฟผ.ก็จะทยอยออกพันธบัตรซึ่งเป็นไปตามแผนการลงทุนและการเสริมสภาพคล่องการทำงาน
ทั้งนี้ วันนี้ (17 ก.ค.) กฟผ.ได้ลงนามกับ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อซื้อหม้อแปลงไฟฟ้า 300 MVA 230 KV จำนวน 2 เครื่อง มูลค่ารวม 196 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับติดตั้งสถานีไฟฟ้าบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ถือว่าหม้อแปลงดังกล่าวเป็นหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดกำลังที่ใหญ่ที่สุดที่ผลิตในประเทศ โดยในส่วนของ บมจ.ถิรไทย ประเมินว่ารายได้รวมของบริษัทจะไม่ต่ำกว่าปีที่แล้วที่มีประมาณ 2,500 ล้านบาท แม้ประเทศไทยจะประสบภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ
นายสมบัติ กล่าวว่า ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมายอดความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลงประมาณร้อยละ 0.5 ส่วนทั้งปีคาดว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะใกล้เคียงกับตัวเลขเศรษฐกิจที่หดตัวลงประมาณร้อยละ 2-4 โดยคาดว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าจะลดลงประมาณร้อยละ 2.5 ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้และเงินนำส่งรัฐให้ลดลงด้วย โดย กฟผ.ยังคงนำส่งรายได้เข้ารัฐในสัดส่วนร้อยละ 40 ของกำไร โดยปีที่ผ่านมามีการนำส่งรายได้เข้ารัฐประมาณ 12,000 ล้านบาท
ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ กฟผ.ได้หารือไปยังกระทรวงการคลัง เพื่อขอออกพันธบัตรจำหน่ายประชาชนทั่วไปวงเงิน 30,000 ล้านบาท แต่ล่าสุดกระทรวงการคลังให้คำตอบว่า จากภาวะที่รัฐบาลนำพันธบัตรออมทรัพย์ออกมาจำหน่ายให้ประชาชนในวงเงินที่สูง ดังนั้น กฟผ.จึงไม่ควรจะนำพันธบัตรออกมาจำหน่ายแก่ประชาชนในช่วงนี้ โดยควรจะใช้รูปแบบเดิมคือ จำหน่ายให้สถาบันการเงินทั่วไป ซึ่ง กฟผ.ก็จะทยอยออกพันธบัตรซึ่งเป็นไปตามแผนการลงทุนและการเสริมสภาพคล่องการทำงาน
ทั้งนี้ วันนี้ (17 ก.ค.) กฟผ.ได้ลงนามกับ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อซื้อหม้อแปลงไฟฟ้า 300 MVA 230 KV จำนวน 2 เครื่อง มูลค่ารวม 196 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับติดตั้งสถานีไฟฟ้าบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ถือว่าหม้อแปลงดังกล่าวเป็นหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดกำลังที่ใหญ่ที่สุดที่ผลิตในประเทศ โดยในส่วนของ บมจ.ถิรไทย ประเมินว่ารายได้รวมของบริษัทจะไม่ต่ำกว่าปีที่แล้วที่มีประมาณ 2,500 ล้านบาท แม้ประเทศไทยจะประสบภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ