ชาวสวนลำไยใน จ.น่าน ทยอยไปขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่ศาลาประชาคม ต.บ่อสวก อ.เมืองน่าน เพื่อรับการช่วยเหลือจากรัฐบาลเป็นวันแรก หลังจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับงบประมาณกว่า 500 ล้านบาท เพื่อนำมาบริหารจัดการผลผลิตลำไย ที่จะออกสู่ท้องตลาดในปีนี้
เช่นเดียวกับที่ จ.พะเยา ชาวสวนเริ่มทยอยไปขึ้นทะเบียนที่สำนักงานเกษตรจังหวัด โดยปีนี้เจ้าหน้าเกษตรจังหวัดได้ออกไปสำรวจข้อมูลของชาวสวนในพื้นที่ เพื่อนำเข้าโครงการบริหารจัดการลำไยปี 2552 พบว่า มีผลผลิตจำนวน 25,000 ตัน โดยจะมีการกระจายผลผลิตลำไยสดออกนอกพื้นที่ จำนวน 6 พันตัน ส่วนลำไยที่เหลือจะเข้าสู่ขบวนการอบแห้ง
เกษตร จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานเกษตรทุกอำเภอได้เปิดรับลงทะเบียนเกษตรกรแล้ว โดยชาวสวนสามารถเดินทางไปขึ้นทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 10 กรกฎาคม
สำหรับแนวทางการบริหารจัดการลำไย ปี 2552 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเอสเอ็มอี จำนวน 370 ล้านบาท โดยรัฐบาลจะเป็นผู้จ่ายดอกเบี้ย ร้อยละ 5 แทนเกษตรกร เพื่อใช้แปรรูปลำไยสดเป็นลำไยอบแห้ง ขณะเดียวกัน ได้ตั้งงบรับซื้อลำไยสด 120 ล้านบาท และค่าช่วยเหลือค่าขนส่งในการกระจายผลผลิตเพิ่มอีก 60 ล้านบาท
เช่นเดียวกับที่ จ.พะเยา ชาวสวนเริ่มทยอยไปขึ้นทะเบียนที่สำนักงานเกษตรจังหวัด โดยปีนี้เจ้าหน้าเกษตรจังหวัดได้ออกไปสำรวจข้อมูลของชาวสวนในพื้นที่ เพื่อนำเข้าโครงการบริหารจัดการลำไยปี 2552 พบว่า มีผลผลิตจำนวน 25,000 ตัน โดยจะมีการกระจายผลผลิตลำไยสดออกนอกพื้นที่ จำนวน 6 พันตัน ส่วนลำไยที่เหลือจะเข้าสู่ขบวนการอบแห้ง
เกษตร จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานเกษตรทุกอำเภอได้เปิดรับลงทะเบียนเกษตรกรแล้ว โดยชาวสวนสามารถเดินทางไปขึ้นทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 10 กรกฎาคม
สำหรับแนวทางการบริหารจัดการลำไย ปี 2552 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเอสเอ็มอี จำนวน 370 ล้านบาท โดยรัฐบาลจะเป็นผู้จ่ายดอกเบี้ย ร้อยละ 5 แทนเกษตรกร เพื่อใช้แปรรูปลำไยสดเป็นลำไยอบแห้ง ขณะเดียวกัน ได้ตั้งงบรับซื้อลำไยสด 120 ล้านบาท และค่าช่วยเหลือค่าขนส่งในการกระจายผลผลิตเพิ่มอีก 60 ล้านบาท
