รายงานประจำปีของ บริษัท เมอร์ริลล์ ลินช์ ระบุว่า จำนวนมหาเศรษฐีเมื่อปีที่แล้ว ทำสถิติลดลงเป็นประวัติการณ์ถึงเกือบร้อยละ 15
โดยจากการสำรวจตามประเทศต่างๆ 71 ประเทศ ปรากฏว่า จำนวนมหาเศรษฐีทั่วโลกลดลง 1,500,000 คน ทำให้เหลือเพียง 8,600,000 คน จากปีก่อน และนับว่าลดลงมากที่สุด นับตั้งแต่ทางบริษัทเริ่มทำการสำรวจเมื่อ 13 ปีก่อน
ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้จำนวนมหาเศรษฐีทั่วโลกลดลง เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจที่รุมเร้าไปทั่วโลก ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลง รวมทั้งราคาอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯและยุโรป ที่ร่วงลงอย่างหนัก ขณะที่จีน แม้ว่าจำนวนมหาเศรษฐีจะลดลงถึง 360,000 คน แต่จีนยังคงครองตำแหน่งประเทศที่มีมหาเศรษฐีมากเป็นอันดับ 4 ของโลก
โดยจากการสำรวจตามประเทศต่างๆ 71 ประเทศ ปรากฏว่า จำนวนมหาเศรษฐีทั่วโลกลดลง 1,500,000 คน ทำให้เหลือเพียง 8,600,000 คน จากปีก่อน และนับว่าลดลงมากที่สุด นับตั้งแต่ทางบริษัทเริ่มทำการสำรวจเมื่อ 13 ปีก่อน
ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้จำนวนมหาเศรษฐีทั่วโลกลดลง เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจที่รุมเร้าไปทั่วโลก ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลง รวมทั้งราคาอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯและยุโรป ที่ร่วงลงอย่างหนัก ขณะที่จีน แม้ว่าจำนวนมหาเศรษฐีจะลดลงถึง 360,000 คน แต่จีนยังคงครองตำแหน่งประเทศที่มีมหาเศรษฐีมากเป็นอันดับ 4 ของโลก
