นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เชื่อว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะคว้าน้ำเหลวในการเดินทางไปเจรจาคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งเรื่องปราสาทพระวิหารกับทางรัฐบาลกัมพูชาในวันนี้ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลมีความสับสนในเรื่องกรรมสิทธิ์ตัวปราสาทมาตั้งแต่ต้น ทำให้มีการดำเนินนโยบายต่างประเทศต่อรัฐบาลกัมพูชาผิดพลาดมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งนายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปเรียกร้องให้ยูเนสโกทบทวนเรื่องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ทางรัฐบาลกัมพูชาหมดความอดทน จนถึงขั้นนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ออกปากจะไม่เจรจาเรื่องปราสาทพระวิหารกับทางรัฐบาลไทย และทำให้มีความสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการทำให้ประเทศเข้าสู่ภาวะสงคราม
ทั้งนี้ ตนเองมีความเชื่อมั่นว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก คงจะมีความอึดอัดใจต่อท่าทีของรัฐบาลในเรื่องปราสาทพระวิหารเป็นอย่างยิ่ง เพราะ พล.อ.อนุพงษ์ เห็นด้วยกับแนวทางการออกแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา เรื่องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช
นอกจากนี้ นายนพดล ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเองได้รับฟังเสียงสะท้อนจากบรรดาผู้ใหญ่ในรัฐบาลกัมพูชาหลายคนที่แสดงความไม่เข้าใจต่อท่าทีของรัฐบาลไทยชุดปัจจุบัน ว่าเพราะเหตุใดในการเดินทางไปเจรจาครั้งที่ผ่านมาจึงไม่มีการหยิบยกเรื่องปราสาทพระวิหารขึ้นหารือ แต่อีกไม่กี่วันถัดมากลับไปยื่นเรื่องคัดค้านต่อยูเนสโก ทั้งๆ ที่ทางฝ่ายกัมพูชาต้องการให้มีการเจรจาเป็นการภายในระหว่างสองประเทศมากกว่า
ทั้งนี้ ตนเองมีความเชื่อมั่นว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก คงจะมีความอึดอัดใจต่อท่าทีของรัฐบาลในเรื่องปราสาทพระวิหารเป็นอย่างยิ่ง เพราะ พล.อ.อนุพงษ์ เห็นด้วยกับแนวทางการออกแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา เรื่องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช
นอกจากนี้ นายนพดล ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเองได้รับฟังเสียงสะท้อนจากบรรดาผู้ใหญ่ในรัฐบาลกัมพูชาหลายคนที่แสดงความไม่เข้าใจต่อท่าทีของรัฐบาลไทยชุดปัจจุบัน ว่าเพราะเหตุใดในการเดินทางไปเจรจาครั้งที่ผ่านมาจึงไม่มีการหยิบยกเรื่องปราสาทพระวิหารขึ้นหารือ แต่อีกไม่กี่วันถัดมากลับไปยื่นเรื่องคัดค้านต่อยูเนสโก ทั้งๆ ที่ทางฝ่ายกัมพูชาต้องการให้มีการเจรจาเป็นการภายในระหว่างสองประเทศมากกว่า
