การประชุมคณะอนุกรรมการรวบรวมเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทย ที่มีนางนฤมล ศิริวัฒน์ เป็นประธาน ได้เชิญ พ.ท.พงศกร อาจสัญจร ผบ.ร.1 พัน 3 ซึ่งทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณกระทรวงมหาดไทย ในวันเกิดเหตุ มาชี้แจง โดย พ.ท.พงศกร ได้ชี้แจงลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ก่อนได้รับคำสั่งให้ไปช่วยควบคุมสถานการณ์ว่า ในวันดังกล่าวจริงๆ แล้วจะต้องไปปฏิบัติหน้าที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล ไม่มีแผนการที่จะไปกระทรวงมหาดไทย แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นก็ได้รับคำสั่งให้นำกำลังไปดูแลสถานที่ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง แต่เมื่อไปถึงกระทรวงมหาดไทยแล้ว ไม่มีเจ้าหน้าที่มาประสาน จึงได้ติดต่อกลับไปยังต้นสังกัดว่าจะนำกำลังไปดูแลบริเวณริมรั้วด้านในกระทรวง โดยทหารทุกคนอยู่ในชุดเตรียมพร้อม โล่ กระบอง และปืน ซึ่งการปฏิบัติการดังกล่าวจะใช้กระสุนปลอมทั้งหมด แต่ยืนยันว่าปืนที่ทหารทุกคนถือไม่ได้บรรจุแม้แต่กระสุนปลอม เพราะกระสุนปลอมจะอยู่ที่นายทหารที่เป็นผู้ควบคุม เพราะทหารทุกคนได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีในการควบคุมฝูงชน
อย่างไรก็ตาม ในวันเกิดเหตุผู้ชุมนุมและทหารก็พูดคุยกันเป็นอย่างดี ไม่น่าเป็นห่วงเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้น ห่วงเพียงมือที่ 3 ที่อาจปะปนเข้ามาก่อเหตุ ส่วนเสียงปืนที่ดังขึ้น ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นปืนชนิดใด เพียงแต่ได้ยินเสียงเท่านั้น และเมื่อเหตุการณ์วุ่นวายก็เห็นนายกรัฐมนตรีขึ้นรถเบนซ์สีดำ แต่ไม่เห็นเหตุการณ์รถถูกทุบ เพราะอยู่ในมุมที่ไม่สามารถมองเห็นได้ เห็นแต่รถเบนซ์สีดำขับออกไปทางประตู 4 ของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นรถของนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม ในวันเกิดเหตุผู้ชุมนุมและทหารก็พูดคุยกันเป็นอย่างดี ไม่น่าเป็นห่วงเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้น ห่วงเพียงมือที่ 3 ที่อาจปะปนเข้ามาก่อเหตุ ส่วนเสียงปืนที่ดังขึ้น ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นปืนชนิดใด เพียงแต่ได้ยินเสียงเท่านั้น และเมื่อเหตุการณ์วุ่นวายก็เห็นนายกรัฐมนตรีขึ้นรถเบนซ์สีดำ แต่ไม่เห็นเหตุการณ์รถถูกทุบ เพราะอยู่ในมุมที่ไม่สามารถมองเห็นได้ เห็นแต่รถเบนซ์สีดำขับออกไปทางประตู 4 ของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นรถของนายกรัฐมนตรี