"วรรณรัตน์"ย้ำไทยต้องจริงจังพัฒนาพลังงานทดแทน ลดพึ่งพาน้ำมัน

นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวในการปาฐกถา นโยบายความมั่นคงด้านพลังงาน ที่สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ว่า ปัจจุบันการใช้ไฟฟ้าของประเทศปรับตัวสูงขึ้น ส่วนใหญ่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นหลักในการผลิต กว่าร้อยละ 70 จึงจำเป็นต้องปรับแผนการลงทุนในโครงการต่างๆ ด้วยการปลดโรงไฟฟ้าเก่าและเลื่อนโรงไฟฟ้าเกิดใหม่ออกไป แต่เพิ่มโรงไฟฟ้า VFPP และ FCT เข้ามาแทนที่ ในอนาคต ไทยต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติมากขึ้น ดังนั้นไทยต้องเร่งหาแหล่งก๊าซธรรมชาติ หรือแหล่งพลังงานใหม่ๆ ทดแทน โดยเฉพาะในปี 2563 ต้องหาแหล่งก๊าซธรรมชาติใหม่ ถึงร้อยละ 63 เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ อีกทั้ง รัฐบาลต้องกระจายความเสี่ยงในการพัฒนาเชื้อเพลิงให้หลากหลายขึ้น ไม่บิดเบือนกลไกตลาดของราคาพลังงาน ควบคุมความปลอดภัยของการใช้พลังงาน และส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานทดแทนทุกรูปแบบในประเทศ ควบคู่กับการอนุรักษ์พลังงาน ที่สำคัญ ต้องเดินหน้าแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี ระหว่างปี 2551-2565 ให้ได้ร้อยละ 20.4 เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวย้ำว่า การลงทุนแหล่งก๊าซธรรมชาติ ในพื้นที่คาบเกี่ยวไทย-กัมพูชา จำเป็นต้องรอให้สถานการณ์การเมืองของ 2 ประเทศสงบลงก่อน จึงจะมีการเข้าไปเจรจาการลงทุนต่อไป ขณะที่พลังงานนิวเคลียร์ ไทยอยู่ระหว่างศึกษาและสร้างการยอมรับในภาคประชาชน โดยย้ำว่า มีความจำเป็นที่ไทยต้องมี จึงจะทำให้พลังงานของประเทศมั่นคง และปัจจุบันมีกว่า 30 ประเทศ ที่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใช้แล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 34 โรง และอยู่ในแผนการก่อสร้างอีก 86 โรง