ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ กล่าวสุนทรพจน์ครั้งสำคัญว่าด้วยนโยบายต่อโลกมุสลิมเมื่อวันพฤหัสบดี(4) ระบุความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและโลกมุสลิมต้องร้าวฉานเพราะการกระทำของกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงเป็นต้นเหตุ แต่ยืนยันอยากเห็นสหรัฐฯ และโลกมุสลิมเริ่มต้น "ยุคใหม่ของความสัมพันธ์" บนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน พร้อมย้ำการตั้งรัฐปาเลสไตน์เป็นหนทางเดียวที่จะนำไปสู่สันติภาพที่แท้จริงในตะวันออกกลาง
ประธานาธิบดีโอบามากล่าวสุนทรพจน์ความยาว45นาทีที่มหาวิทยาลัยไคโร ประเทศอียิปต์ หลังเสร็จสิ้นการหารือกับประธานาธิบดีฮอสนี มูบารักแห่งอียิปต์ ตามกำหนดการเดินทางเยือนตะวันออกกลางเป็นวันที่2ภายหลังเพิ่งเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียเมื่อวันพุธ(3)
โอบามากล่าวว่าในความเป็นจริงสหรัฐฯและโลกมุสลิมไม่ใช่ศัตรูต่อกัน แต่ที่ผ่านมาทั้ง2ฝ่ายต้องผิดใจกันเพราะการกระทำของกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงสุดขั้ว ที่พยายามสร้างความรุนแรงและความเกลียดชังระหว่างสหรัฐฯและโลกมุสลิม แต่เขาเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าคำสอนของศาสนาอิสลามไม่ได้เป็นต้นเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะศาสนาอิสลามเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนสันติภาพและความสงบสุขของโลก และเชื่อว่าทั้งสหรัฐฯและโลกมุสลิมมีจุดยืนร่วมกันที่ต้องการต่อสู้และขจัดกลุ่มหัวรุนแรงสุดขั้วให้หมดสิ้นไป
ผู้นำสหรัฐฯยืนยันว่าต้องการเห็น"การเริ่มต้นใหม่"ของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และโลกมุสลิม ซึ่งนับจากนี้ความสัมพันธ์ของทั้ง2ฝ่าย ต้องตั้งบนพื้นฐานของการแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันและการให้ความเคารพซึ่งกันและกันเป็นสำคัญ
ในประเด็นเรื่องอัฟกานิสถาน โอบามาย้ำว่ารัฐบาลสหรัฐฯของเขาไม่มีจุดยืนที่จะคงกำลังทหารสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรไว้ในอัฟกานิสถานในระยะยาวอย่างแน่นอน และไม่ได้ต้องการตั้งฐานทัพในอัฟกานิสถานเช่นกัน โดยโอบามาให้คำมั่นว่าโลกมุสลิมจะไม่ได้เห็นทหารต่างชาติในดินแดนแห่งนี้อีกต่อไป ทันทีที่ภารกิจกวาดล้างกลุ่มตอลิบานและเครือข่ายอัลกออิดะห์สิ้นสุดลง
ประธานาธิบดีโอบามากล่าวสุนทรพจน์ความยาว45นาทีที่มหาวิทยาลัยไคโร ประเทศอียิปต์ หลังเสร็จสิ้นการหารือกับประธานาธิบดีฮอสนี มูบารักแห่งอียิปต์ ตามกำหนดการเดินทางเยือนตะวันออกกลางเป็นวันที่2ภายหลังเพิ่งเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียเมื่อวันพุธ(3)
โอบามากล่าวว่าในความเป็นจริงสหรัฐฯและโลกมุสลิมไม่ใช่ศัตรูต่อกัน แต่ที่ผ่านมาทั้ง2ฝ่ายต้องผิดใจกันเพราะการกระทำของกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงสุดขั้ว ที่พยายามสร้างความรุนแรงและความเกลียดชังระหว่างสหรัฐฯและโลกมุสลิม แต่เขาเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าคำสอนของศาสนาอิสลามไม่ได้เป็นต้นเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะศาสนาอิสลามเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนสันติภาพและความสงบสุขของโลก และเชื่อว่าทั้งสหรัฐฯและโลกมุสลิมมีจุดยืนร่วมกันที่ต้องการต่อสู้และขจัดกลุ่มหัวรุนแรงสุดขั้วให้หมดสิ้นไป
ผู้นำสหรัฐฯยืนยันว่าต้องการเห็น"การเริ่มต้นใหม่"ของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และโลกมุสลิม ซึ่งนับจากนี้ความสัมพันธ์ของทั้ง2ฝ่าย ต้องตั้งบนพื้นฐานของการแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันและการให้ความเคารพซึ่งกันและกันเป็นสำคัญ
ในประเด็นเรื่องอัฟกานิสถาน โอบามาย้ำว่ารัฐบาลสหรัฐฯของเขาไม่มีจุดยืนที่จะคงกำลังทหารสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรไว้ในอัฟกานิสถานในระยะยาวอย่างแน่นอน และไม่ได้ต้องการตั้งฐานทัพในอัฟกานิสถานเช่นกัน โดยโอบามาให้คำมั่นว่าโลกมุสลิมจะไม่ได้เห็นทหารต่างชาติในดินแดนแห่งนี้อีกต่อไป ทันทีที่ภารกิจกวาดล้างกลุ่มตอลิบานและเครือข่ายอัลกออิดะห์สิ้นสุดลง