นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพมหานคร แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. ออกมาระบุว่า หากมีการอนุมัติดำเนินโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน จะทำให้พนักงานขายตั๋วต้องตกงานทันที 8,000 คน ส่งผลกระทบต่อครอบครัวหลายหมื่นคน ว่า การที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ศึกษาโครงการดังกล่าว ก่อนนำมาพิจารณาอีกครั้ง หมายความว่าจะต้องศึกษาข้อดีข้อเสียและผลกระทบของโครงการ โดยเฉพาะการที่จะต้องมีคนตกงานจากโครงการนี้
อย่างไรก็ตาม หากท้ายที่สุดโครงการผ่านความเห็นชอบของ ครม. และทำให้ต้องมีคนตกงานมากถึง 8,000 คน ถือเป็นหน้าที่ของกระทรวงแรงงานที่จะต้องเข้าไปดูแลพนักงานเหล่านี้ เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์และค่าชดเชย ตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงช่วยเหลือให้มีการกลับเข้ามาทำงานตามปกติ ซึ่งกระทรวงแรงงานมีตำแหน่งงานพร้อมรองรับ แต่อาจต้องมีการเปลี่ยนตำแหน่งงานบ้าง หากไม่ยึดติด หรือเลือกงานจะไม่มีปัญหาการว่างงาน
ส่วนกรณีที่ตนไม่ได้คัดค้าน หรือท้วงติง กรณีจะทำให้มีคนตกงานจำนวนมากนั้น เนื่องจากเป็นคนหัวก้าวหน้า มองว่า หากนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาทดแทนการทำงานแบบเดิม อาจจะทำให้ประหยัดในเรื่องค่าใช้จ่าย มีความคุ้มค่า ต่อโครงการขณะที่เจ้าหน้าที่และผู้ใช้บริการมีความสะดวกสบายมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากท้ายที่สุดโครงการผ่านความเห็นชอบของ ครม. และทำให้ต้องมีคนตกงานมากถึง 8,000 คน ถือเป็นหน้าที่ของกระทรวงแรงงานที่จะต้องเข้าไปดูแลพนักงานเหล่านี้ เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์และค่าชดเชย ตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงช่วยเหลือให้มีการกลับเข้ามาทำงานตามปกติ ซึ่งกระทรวงแรงงานมีตำแหน่งงานพร้อมรองรับ แต่อาจต้องมีการเปลี่ยนตำแหน่งงานบ้าง หากไม่ยึดติด หรือเลือกงานจะไม่มีปัญหาการว่างงาน
ส่วนกรณีที่ตนไม่ได้คัดค้าน หรือท้วงติง กรณีจะทำให้มีคนตกงานจำนวนมากนั้น เนื่องจากเป็นคนหัวก้าวหน้า มองว่า หากนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาทดแทนการทำงานแบบเดิม อาจจะทำให้ประหยัดในเรื่องค่าใช้จ่าย มีความคุ้มค่า ต่อโครงการขณะที่เจ้าหน้าที่และผู้ใช้บริการมีความสะดวกสบายมากขึ้น