นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด กล่าวถึงความคืบหน้าการประชุมคณะทำงานพิจารณาสำนวนคดีทุจริตโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานค ร มูลค่า 6,200 ล้านบาท ว่า คณะทำงานอัยการมีข้อสรุปโดยมีความเห็นแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย โดยส่วนใหญ่มีความเห็นชอบด้วยกับทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่สั่งฟ้องผู้ถูกกล่าวหาในคดีทั้ง 7 คน แต่คณะทำงานบางส่วนเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาบางคนไม่น่ามีความผิด
ทั้งนี้ คณะทำงานอัยการจะสรุปแนวทางทั้งหมดเสนอต่อนายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด เพื่อวินิจฉัย อย่างไรก็ตาม หากอัยการสุงสุดมีความเห็นอย่างไร ก็จะส่งเรื่องกลับมาให้ทาง ป.ป.ช. พิจารณาว่าเห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งหากทาง ป.ป.ช. มีความเห็นตรงกันกับอัยการก็จะดำเนินการยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป
รองอัยการสูงสุด กล่าวอีกว่า หากทาง ป.ป.ช. มีความเห็นแย้งกับอัยการสูงสุด เห็นว่าควรให้ทาง ป.ป.ช.แต่งตั้งทนายความเพื่อส่งฟ้องผู้ถูกกล่าวหาบางคนเอง แล้วนำสำนวนคดีมารวมกันในภายหลัง เช่นเดียวกับกรณีคดีทุจริตกล้ายางและคดีหวยบนดิน ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุดเพื่อหาข้อยุติ
ทั้งนี้ คณะทำงานอัยการจะสรุปแนวทางทั้งหมดเสนอต่อนายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด เพื่อวินิจฉัย อย่างไรก็ตาม หากอัยการสุงสุดมีความเห็นอย่างไร ก็จะส่งเรื่องกลับมาให้ทาง ป.ป.ช. พิจารณาว่าเห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งหากทาง ป.ป.ช. มีความเห็นตรงกันกับอัยการก็จะดำเนินการยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป
รองอัยการสูงสุด กล่าวอีกว่า หากทาง ป.ป.ช. มีความเห็นแย้งกับอัยการสูงสุด เห็นว่าควรให้ทาง ป.ป.ช.แต่งตั้งทนายความเพื่อส่งฟ้องผู้ถูกกล่าวหาบางคนเอง แล้วนำสำนวนคดีมารวมกันในภายหลัง เช่นเดียวกับกรณีคดีทุจริตกล้ายางและคดีหวยบนดิน ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุดเพื่อหาข้อยุติ