ดร.พิชิต อัคราทิตย์ ประธานกรรมการบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย. กล่าวว่า คณะกรรมการ บสย.เห็นชอบให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องมาตรการสินเชื่อเพื่อชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี 2551 เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ให้สามารถชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลปี 2551 ได้ทันตามกำหนดภายในเดือนพฤษภาคม 2552 ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ได้พิจารณาแนวทางดังกล่าวในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs โดยอาศัยกลไกของ บสย. และสภาพคล่องที่ยังมีอยู่ในระบบธนาคารพาณิชย์ กำหนดให้ บสย. ค้ำประกันสินเชื่อเพื่อชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี 2551 ของ SMEs แต่ละรายเต็มจำนวน วงเงินค้ำประกันประมาณ 10,000 ล้านบาท
สำหรับคุณสมบัติของผู้ประกอบการ SMEs ที่จะขอสินเชื่อดังกล่าวต้องเป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่มีภาระภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี 2551 และไม่เคยค้างชำระภาษีกับกรมสรรพากรในรอบบัญชีก่อนหน้า ไม่เคยมีประวัติการผิดนัดชำระหนี้กับธนาคารเกินกว่า 90 วัน ย้อนหลัง 3 ปี และไม่มีประวัติติดในเครดิตบูโรว่ามีหนี้ค้างชำระ รวมทั้งต้องเป็น SME ที่ดำเนินธุรกิจดังกล่าวมาไม่น้อยกว่า 3 ปี โดยที่ บสย. จะค้ำประกันสินเชื่อประเภทกู้ยืมให้ SMEs มีกำหนดระยะเวลาชำระคืนไม่เกิน 1 ปี สำหรับสินเชื่อส่วนที่ บสย. จะค้ำประกันต้องนำไปชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี 2551 แก่กรมสรรพากร ซึ่งธนาคารจะเป็นผู้ดำเนินการนำเงินสินเชื่อที่ SMEs ได้รับ ส่งตรงให้กับสรรพากรเพื่อชำระภาษีเงินได้ประจำปี 2551 ของ SMEs อัตราค่าธรรมเนียมในการค้ำประกันร้อยละ 1.75 ต่อปี
สำหรับคุณสมบัติของผู้ประกอบการ SMEs ที่จะขอสินเชื่อดังกล่าวต้องเป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่มีภาระภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี 2551 และไม่เคยค้างชำระภาษีกับกรมสรรพากรในรอบบัญชีก่อนหน้า ไม่เคยมีประวัติการผิดนัดชำระหนี้กับธนาคารเกินกว่า 90 วัน ย้อนหลัง 3 ปี และไม่มีประวัติติดในเครดิตบูโรว่ามีหนี้ค้างชำระ รวมทั้งต้องเป็น SME ที่ดำเนินธุรกิจดังกล่าวมาไม่น้อยกว่า 3 ปี โดยที่ บสย. จะค้ำประกันสินเชื่อประเภทกู้ยืมให้ SMEs มีกำหนดระยะเวลาชำระคืนไม่เกิน 1 ปี สำหรับสินเชื่อส่วนที่ บสย. จะค้ำประกันต้องนำไปชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี 2551 แก่กรมสรรพากร ซึ่งธนาคารจะเป็นผู้ดำเนินการนำเงินสินเชื่อที่ SMEs ได้รับ ส่งตรงให้กับสรรพากรเพื่อชำระภาษีเงินได้ประจำปี 2551 ของ SMEs อัตราค่าธรรมเนียมในการค้ำประกันร้อยละ 1.75 ต่อปี
