นายพงษ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เรียกประชุมเจ้าหน้าที่จากสำนักจราจรและขนส่ง เพื่อตรวจสอบระบบการทำงานของกล้องวงจรปิด หรือ CCTV ทั้งหมด ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยในส่วนที่ติดตั้งไปแล้วก็ให้มีการไปตรวจสอบว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด การตรวจซ่อม ดูแลบำรุงรักษา เป็นอย่างไร รวมทั้งสั่งการให้มีการเพิ่มจุดติดตั้งกล้อง CCTV ในจุดสำคัญให้ครอบคลุมทั่วพื้นที่ กทม.
นายพงษ์ศักติฐ์ กล่าวว่า กล้อง CCTV ของ กทม.ติดตั้งไว้เพื่อดูแลในเรื่องของการจราจร เมื่อต้องการเพิ่มเติมดูแลในเรื่องของความมั่นคง ความปลอดภัย ก็จะต้องมีการปรับเปลี่ยนระบบใหม่ และจะต้องติดตั้งให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้ ปัจจุบันกล้อง CCTV ที่ดูแลในส่วนของความมั่นคงมีประมาณ 699 ตัว แบ่งเป็นในเขตพระราชฐาน 399 ตัว และในเขตพื้นที่ชั้นในอีก 300 ตัว รวมกับกล้องที่ดูในเรื่องการจราจรรวมมีประมาณ 3,000 ตัว ขณะนี้ กทม.มีนโยบายที่จะเพิ่มกล้อง CCTV อีก 10,000 ตัว ส่วนจะแบ่งเป็นกล้องที่ดูแลความมั่นคง และการจราจร อย่างละเท่าไรนั้น จะมีการประชุมดูความเหมาะสมอีกครั้ง
นอกจากนี้ จะมีการขยายขอบเขตการติดตั้งกล้อง CCTV ออกไปในพื้นที่สำคัญรอบนอก ซึ่งในปัจจุบันมักจะติดตั้งกล้องเฉพาะในเขตพื้นที่ชั้นในที่มีปัญหาการจราจร แต่เมื่อมีปัญหาในเรื่องของความมั่นคง ปลอดภัย ซึ่งการดำเนินการจะเร่งให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณปีนี้ แต่หากไม่ทันก็ต้องให้เสร็จภายในปีงบประมาณปี 2553 ทั้งนี้ ยังให้คำแนะนำสำนักจราจรและขนส่ง ขอร่วมมือกับภาคเอกชนที่มีกล้องวงจรปิด เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานีบริการน้ำมัน เป็นต้น ในการขอเชื่อมต่อสัญญาณร่วมกับทางหน่วยราชการเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลเรื่องความมั่นคงและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
นายพงษ์ศักติฐ์ กล่าวว่า กล้อง CCTV ของ กทม.ติดตั้งไว้เพื่อดูแลในเรื่องของการจราจร เมื่อต้องการเพิ่มเติมดูแลในเรื่องของความมั่นคง ความปลอดภัย ก็จะต้องมีการปรับเปลี่ยนระบบใหม่ และจะต้องติดตั้งให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้ ปัจจุบันกล้อง CCTV ที่ดูแลในส่วนของความมั่นคงมีประมาณ 699 ตัว แบ่งเป็นในเขตพระราชฐาน 399 ตัว และในเขตพื้นที่ชั้นในอีก 300 ตัว รวมกับกล้องที่ดูในเรื่องการจราจรรวมมีประมาณ 3,000 ตัว ขณะนี้ กทม.มีนโยบายที่จะเพิ่มกล้อง CCTV อีก 10,000 ตัว ส่วนจะแบ่งเป็นกล้องที่ดูแลความมั่นคง และการจราจร อย่างละเท่าไรนั้น จะมีการประชุมดูความเหมาะสมอีกครั้ง
นอกจากนี้ จะมีการขยายขอบเขตการติดตั้งกล้อง CCTV ออกไปในพื้นที่สำคัญรอบนอก ซึ่งในปัจจุบันมักจะติดตั้งกล้องเฉพาะในเขตพื้นที่ชั้นในที่มีปัญหาการจราจร แต่เมื่อมีปัญหาในเรื่องของความมั่นคง ปลอดภัย ซึ่งการดำเนินการจะเร่งให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณปีนี้ แต่หากไม่ทันก็ต้องให้เสร็จภายในปีงบประมาณปี 2553 ทั้งนี้ ยังให้คำแนะนำสำนักจราจรและขนส่ง ขอร่วมมือกับภาคเอกชนที่มีกล้องวงจรปิด เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานีบริการน้ำมัน เป็นต้น ในการขอเชื่อมต่อสัญญาณร่วมกับทางหน่วยราชการเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลเรื่องความมั่นคงและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น