นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ หรือ สบน. เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินในประเทศ จำนวน 94,000 ล้านบาท เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ทำให้ในปีงบประมาณ2552 กระทรวงการคลังกู้เงินจนเต็มเพดานการกู้ ที่ 440,000 ล้านบาท ซึ่งการกู้เงินในประเทศเพิ่มขึ้นครั้งนี้ กระทรวงการคลังจะระดมทุน 4 รูปแบบ ช่วง 3 ไตรมาสของปี โดยเป็นการออกพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นและระยะยาว จำนวน 34,000 ล้านบาท และเป็นครั้งแรกที่กระทรวงการคลังออกพันธบัตรอัตราดอกเบี้ยลอยตัว จำนวน 18,000 ล้านบาท ที่เหลืออีก 12,000 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ รูปแบบที่ 2 จะเป็นการออกตั๋วเงินคลังอายุ 3 เดือน และ 6 เดือน จำนวน 30,000 ล้านบาท รูปแบบที่ 3 จะเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน 20,000 ล้านบาท เป็นการกู้โดยตรงจากธนาคารพาณิชย์ และ รูปแบบสุดท้าย คือพันธบัตรออมทรัพย์ 10,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การออกพันธบัตรและตราสารหนี้ในครั้งนี้ จะทำให้ตลอดปีงบประมาณมีตราสารหนี้ในภาครัฐเข้าสู่ตลาดรวมทั้งสิ้น 619,000 ล้านบาท และจะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 ซึ่งจากเดิมคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ43 จะปรับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 44
อย่างไรก็ตาม การออกพันธบัตรและตราสารหนี้ในครั้งนี้ จะทำให้ตลอดปีงบประมาณมีตราสารหนี้ในภาครัฐเข้าสู่ตลาดรวมทั้งสิ้น 619,000 ล้านบาท และจะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 ซึ่งจากเดิมคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ43 จะปรับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 44