สำนักข่าวบลูมเบิร์กของสหรัฐฯ รายงานอ้างคำสัมภาษณ์ของโทมัส เจ เบิร์น รองประธานอาวุโสของบริษัทมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือในวันนี้ว่า เหตุวุ่นวายทางการเมืองในไทยที่ทวีความรุนแรงในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำให้เกิดความไม่แน่นอนมากยิ่งขึ้น และทำให้มีเหตุผลพอที่จะทำให้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในแง่ลบได้ หลังจากพึ่งจะมีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้สกุลเงินต่างประเทศจากระดับมีเสถียรภาพเป็นเชิงลบ เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
นายเบิร์น กล่าวว่า หากสถานการณ์ยังเลวร้ายลงอีก มีโอกาสที่บริษัทจะพิจารณาขั้นต่อไป ซึ่งมีโอกาสเกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ที่จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ และมองว่าในขณะนี้ ไทยจำเป็นต้องมีรัฐบาลที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เพื่อจะได้มุ่งดูแลด้านเศรษฐกิจ พร้อมกับเตือนว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้อาจหดตัวติดลบ 3 เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่านั้น
นายเบิร์น กล่าวว่า หากสถานการณ์ยังเลวร้ายลงอีก มีโอกาสที่บริษัทจะพิจารณาขั้นต่อไป ซึ่งมีโอกาสเกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ที่จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ และมองว่าในขณะนี้ ไทยจำเป็นต้องมีรัฐบาลที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เพื่อจะได้มุ่งดูแลด้านเศรษฐกิจ พร้อมกับเตือนว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้อาจหดตัวติดลบ 3 เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่านั้น
