น.ส.กิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลกประจำประเทศไทย เปิดเผยรายงานตามติดเศรษฐกิจไทย ฉบับแรกในปี 2552 ว่า การค้าโลกที่ถดถอยอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ธนาคารโลกปรับลดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2552 ลงมาอยู่ที่ติดลบร้อยละ 2.7 จากที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเติบโตร้อยละ 2 และประเมินว่า หากกรณีเลวร้ายสุด หากเศรษฐกิจโลกไม่ฟื้นตัวและปัญหาการเมืองในประเทศ เศรษฐกิจจะติดลบถึงร้อยละ 4.9
น.ส.กิริฎา กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยถือว่า ติดลบมากที่สุดในประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออก และถือเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี ที่เศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเพราะที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยเติบโตในอัตราเฉลี่ยร้อยละ 4-5 ทุกปี และหากเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปี 2550 ที่เติบโตร้อยละ 4.9 แต่ปีนี้ติดลบถึงร้อยละ 2.7 สะท้อนถึงความแตกต่างที่เศรษฐกิจไทยติดลบถึงร้อยละ 7.6 โดยการส่งออกของไทยได้รับผลกระทบอย่างหนัก คาดว่ามูลค่าการส่งออกในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐหดตัวร้อยละ 17 รายได้การท่องเที่ยวก็ปรับลดลงเช่นกันจากผลกระทบการเมืองและปิดสนามบิน ขณะที่การลงทุนหดตัวลงร้อยละ 2.1 ซึ่งเป็นผลจากการที่นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นกับเหตุการณ์การเมือง การบริโภคขยายตัวเพียงร้อยละ 1.4 ส่วนการนำเข้าหดตัวร้อยละ 16.4 ตามภาวะอุปสงค์ในประเทศที่ไม่กระเตื้องขึ้น
น.ส.กิริฎา กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยถือว่า ติดลบมากที่สุดในประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออก และถือเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี ที่เศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเพราะที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยเติบโตในอัตราเฉลี่ยร้อยละ 4-5 ทุกปี และหากเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปี 2550 ที่เติบโตร้อยละ 4.9 แต่ปีนี้ติดลบถึงร้อยละ 2.7 สะท้อนถึงความแตกต่างที่เศรษฐกิจไทยติดลบถึงร้อยละ 7.6 โดยการส่งออกของไทยได้รับผลกระทบอย่างหนัก คาดว่ามูลค่าการส่งออกในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐหดตัวร้อยละ 17 รายได้การท่องเที่ยวก็ปรับลดลงเช่นกันจากผลกระทบการเมืองและปิดสนามบิน ขณะที่การลงทุนหดตัวลงร้อยละ 2.1 ซึ่งเป็นผลจากการที่นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นกับเหตุการณ์การเมือง การบริโภคขยายตัวเพียงร้อยละ 1.4 ส่วนการนำเข้าหดตัวร้อยละ 16.4 ตามภาวะอุปสงค์ในประเทศที่ไม่กระเตื้องขึ้น