การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อเวลา 23.59 น. ที่ผ่านมา โดยนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ได้นัดประชุมเพื่อลงมติในเวลา 11.00 น. วันเสาร์ที่ 21 มี.ค.นี้
ทั้งนี้ ก่อนปิดการประชุม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยได้อภิปรายสรุป โดยให้น้ำหนักไปที่กรณีเงิน 261 ล้านบาทจากบริษัททีพีไอโพลีน จำกัด(มหาชน) ที่จ่ายให้กับบริษัท เมซไซอะ จำกัด เป็นค่าทำประชาสัมพันธ์ ระหว่างเดือน พ.ย.47- ก.พ.48 โดย ร.ต.อ.เฉลิมย้ำว่า เป็นการจ่ายเงินโดยไม่ถูกต้อง เพราะสัญญาไม่สมบูณณ์ เนื่องจากมีลายเซ็นกรรมการบริษัทเพียงคนเดียว ซึ่งหลังจากมีการโอนเงินให้กับ บ.แมซไซอะแล้ว ก็มีการถอนเงินไปให้คนของพรรคประชาธิปัตย์ 4 กลุ่มด้วยกัน
นอกจากนี้ ยังมีกรณีการใช้เงินกองทุนพัฒนาการเมืองของ กกต. ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จ่ายเป็นค่าทำแผ่นป้ายหาเสียงให้กับ บ.เมซไซอะ โดยที่ไม่มีการทำสัญญาว่าจ้าง ถือว่าไม่ถูกต้อง ทั้งหมดนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องรับผิดชอบด้วย เพราะเป็นผู้ลงนามในงบดุลประจำปีของพรรค ซึ่งแม้รัฐบาลจะผ่านการลงมติไม่ไว้วางใจ ร.ต.อ.เฉลิม ยืนยันว่า จะนำเอกสารหลักฐานทั้งหมดไปยื่นต่อ กกต.เพื่อให้พิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป
อีกประเด็นหนึ่งที่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอภิปรายสรุป เป็นกรณีที่มีผู้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไว้ที่ สภ.ราชาเทวะ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2551 ในข้อหาเป็นผู้ก่อการร้ายสากล ดังนั้นนายอภิสิทธิ์ จะต้องให้นายกษิตไปมอบตัวสู้คดีก่อน
ทั้งนี้ ก่อนปิดการประชุม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยได้อภิปรายสรุป โดยให้น้ำหนักไปที่กรณีเงิน 261 ล้านบาทจากบริษัททีพีไอโพลีน จำกัด(มหาชน) ที่จ่ายให้กับบริษัท เมซไซอะ จำกัด เป็นค่าทำประชาสัมพันธ์ ระหว่างเดือน พ.ย.47- ก.พ.48 โดย ร.ต.อ.เฉลิมย้ำว่า เป็นการจ่ายเงินโดยไม่ถูกต้อง เพราะสัญญาไม่สมบูณณ์ เนื่องจากมีลายเซ็นกรรมการบริษัทเพียงคนเดียว ซึ่งหลังจากมีการโอนเงินให้กับ บ.แมซไซอะแล้ว ก็มีการถอนเงินไปให้คนของพรรคประชาธิปัตย์ 4 กลุ่มด้วยกัน
นอกจากนี้ ยังมีกรณีการใช้เงินกองทุนพัฒนาการเมืองของ กกต. ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จ่ายเป็นค่าทำแผ่นป้ายหาเสียงให้กับ บ.เมซไซอะ โดยที่ไม่มีการทำสัญญาว่าจ้าง ถือว่าไม่ถูกต้อง ทั้งหมดนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องรับผิดชอบด้วย เพราะเป็นผู้ลงนามในงบดุลประจำปีของพรรค ซึ่งแม้รัฐบาลจะผ่านการลงมติไม่ไว้วางใจ ร.ต.อ.เฉลิม ยืนยันว่า จะนำเอกสารหลักฐานทั้งหมดไปยื่นต่อ กกต.เพื่อให้พิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป
อีกประเด็นหนึ่งที่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอภิปรายสรุป เป็นกรณีที่มีผู้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไว้ที่ สภ.ราชาเทวะ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2551 ในข้อหาเป็นผู้ก่อการร้ายสากล ดังนั้นนายอภิสิทธิ์ จะต้องให้นายกษิตไปมอบตัวสู้คดีก่อน