นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ได้แจ้ง พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 ให้เตรียมทำรายงานผลสัมฤทธิ์การใช้พระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เพื่อให้รัฐบาลใช้ประกอบการพิจารณาหากกองทัพขอขยายเวลาการใช้พระราชกำหนดฉบับดังกล่าวอีก 3 เดือน ซึ่งวันที่ 19 เมษายนนี้ จะครบระยะเวลา 3 เดือนของการขยายเวลาการใช้พระราชกำหนด
นายถาวร กล่าวว่า พล.ท.พิเชษฐ์ ได้ชี้แจงถึงประโยชน์จากการใช้พระราชกำหนดในช่วงที่ผ่านมา ว่า ความสามารถควบคุมผู้ต้องสงสัยก่อเหตุไม่สงบได้ 30 วัน มีส่วนช่วยคลี่คลายเหตุรุนแรงในพื้นที่ ขณะที่รัฐบาลต้องพิจารณาถึงเหตุผลหลายประการ รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากต้องขยายเวลาการใช้ออกไป
ทางด้านนายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคราษฎร ไม่เห็นด้วยกับการขยายเวลาบังคับใช้พระราชกำหนด เพราะเห็นว่าปัจจุบันมีกฎหมายบังคับใช้อยู่หลายฉบับซ้ำซ้อนกัน และให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม นายอารีเพ็ญ กล่าวสนับสนุนการทำงานของแม่ทัพภาคที่ 4 ว่า เป็นผู้มีความรู้ เป็นนักพัฒนา และใช้แนวทางการเมืองนำการทหารในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ รวมทั้งยังได้รับการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาลเรื่องการตั้งสำนักงานบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ สบ.ชต. มาแทนศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. และให้อยู่ใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี จากที่เคยอยู่ใต้การกำกับดูแลของฝ่ายความมั่นคง เพราะจะทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและหน่วยงานต่างๆ สามารถเน้นงานด้านการพัฒนา สร้างรายได้ และส่งเสริมความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่
นายถาวร กล่าวว่า พล.ท.พิเชษฐ์ ได้ชี้แจงถึงประโยชน์จากการใช้พระราชกำหนดในช่วงที่ผ่านมา ว่า ความสามารถควบคุมผู้ต้องสงสัยก่อเหตุไม่สงบได้ 30 วัน มีส่วนช่วยคลี่คลายเหตุรุนแรงในพื้นที่ ขณะที่รัฐบาลต้องพิจารณาถึงเหตุผลหลายประการ รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากต้องขยายเวลาการใช้ออกไป
ทางด้านนายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคราษฎร ไม่เห็นด้วยกับการขยายเวลาบังคับใช้พระราชกำหนด เพราะเห็นว่าปัจจุบันมีกฎหมายบังคับใช้อยู่หลายฉบับซ้ำซ้อนกัน และให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม นายอารีเพ็ญ กล่าวสนับสนุนการทำงานของแม่ทัพภาคที่ 4 ว่า เป็นผู้มีความรู้ เป็นนักพัฒนา และใช้แนวทางการเมืองนำการทหารในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ รวมทั้งยังได้รับการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาลเรื่องการตั้งสำนักงานบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ สบ.ชต. มาแทนศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. และให้อยู่ใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี จากที่เคยอยู่ใต้การกำกับดูแลของฝ่ายความมั่นคง เพราะจะทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและหน่วยงานต่างๆ สามารถเน้นงานด้านการพัฒนา สร้างรายได้ และส่งเสริมความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่