นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าชการ (กบข.) มีมติอย่างไม่เป็นทางการให้ตั้งอนุกรรมการพิเศษขึ้นมาตรวจสอบการดำเนินงานของ กบข. หลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) จะเข้าตรวจสอบการลงทุนของ กบข. ที่มีผลตอบแทนการลงทุนขาดทุนในปี 2551 โดยตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีคนที่มีความรู้ ประสบการณ์ในเรื่องที่เกี่ยวข้องจากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ ตลท. ร่วมทั้ง ป.ป.ท. เป็นกรรมการ ว่า ทาง ตลท. และวิทยาลัยพัฒนาตลาดทุนยินดีที่จะเข้าร่วมเป็นกรรมการ เพื่อให้อนุกรรมการที่ กบข.ตั้งขึ้นสามารถให้คำอธิบายที่ชัดเจนกับสมาชิก กบข. และเกิดความกระจ่างในข้อสงสัยที่เกิดขึ้น
โดยการลงทุนของ กบข.ก็ต้องเป็นไปตามกรอบที่กฎหมายกำหนด แต่การลงทุนทุกประเภทที่ความเสี่ยง ดังนั้น ต้องอธิบายให้สมาชิกเข้าใจถึงส่วนผสมของการลงทุน ทั้งตราสารหนี้ ตลาดหุ้น ว่า ให้ผลตอบแทนแตกต่างกันอย่างไร เช่นในปื 2550 ตลาดหุ้นไทยปรับตัวดี เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25 ดังนั้นกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นก็ได้ผลตอบแทนดีเช่นกัน แตกต่างจากปีที่ผ่านมาที่ตลาดหุ้นปรับลดลงผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก ดังนั้น ผลกำไรของกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นก็ต้องลดลง ซึ่งคำอธิบายเหล่านี้ เป็นหน้าที่ของผู้จัดการกองทุน และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ( บลจ.) ต้องให้ความกระจ่างแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเพื่อให้เกิดความเข้าใจและไม่ให้เกิดความตระหนก
นางภัทรียา กล่าวด้วยว่า การพิจารณาผลตอบแทนจากการลงทุนต้องมองระยะยาว อย่ามองปีต่อปี เพราะอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้
โดยการลงทุนของ กบข.ก็ต้องเป็นไปตามกรอบที่กฎหมายกำหนด แต่การลงทุนทุกประเภทที่ความเสี่ยง ดังนั้น ต้องอธิบายให้สมาชิกเข้าใจถึงส่วนผสมของการลงทุน ทั้งตราสารหนี้ ตลาดหุ้น ว่า ให้ผลตอบแทนแตกต่างกันอย่างไร เช่นในปื 2550 ตลาดหุ้นไทยปรับตัวดี เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25 ดังนั้นกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นก็ได้ผลตอบแทนดีเช่นกัน แตกต่างจากปีที่ผ่านมาที่ตลาดหุ้นปรับลดลงผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก ดังนั้น ผลกำไรของกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นก็ต้องลดลง ซึ่งคำอธิบายเหล่านี้ เป็นหน้าที่ของผู้จัดการกองทุน และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ( บลจ.) ต้องให้ความกระจ่างแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเพื่อให้เกิดความเข้าใจและไม่ให้เกิดความตระหนก
นางภัทรียา กล่าวด้วยว่า การพิจารณาผลตอบแทนจากการลงทุนต้องมองระยะยาว อย่ามองปีต่อปี เพราะอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้