เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (8 มี.ค.) กลุ่มองค์การความร่วมมือแก้ไขวิกฤตแรงงาน ประกอบด้วย สภาแรงงาน สหพันธ์แรงงานอุตสาหกรรม สหพันธ์แรงงานสิ่งทอ และสหพันธ์แรงงานเหล็ก เป็นต้น รวมตัวกันด้านข้างประตูทางเข้าทำเนียบรัฐบาล ติดกับสะพานชมัยมรุเชฐ มีการตั้งเวทีบนถนนพิษณุโลก หน้าสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ปิดช่องทาง 1 ช่องจราจร ซึ่งกลุ่มองค์การฯ ต้องการยื่นหนังสือข้อเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ที่มีผลกระทบต่อแรงงาน ต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
น.ส.จิตรา คัชเดช แกนนำองค์การความร่วมมือฯ และเจ้าหน้าที่สหภาพแรงงานไทรอัมพ์ กล่าวว่า วันนี้แรงงานสตรีจากหลายองค์กรเดินทางมารวมตัวกันเพื่อยืนยันเจตนารมณ์ว่า คนชั้นแรงงานที่ถูกขูดรีด และถูกเอาเปรียบจากนายจ้าง มีทั้งหญิงและชาย ขณะเดียวกันคนชั้นผู้เอาเปรียบประกอบด้วยหญิงและชายเช่นกัน ดังนั้น ปัญหาการถูกกดขี่จึงไม่ใช่เรื่องเพศ เป็นเรื่องชนชั้น และเพื่อศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ จึงใช้โอกาสวันสตรีสากลแห่งความเสมอภาคและความเป็นธรรม ในวันที่ 8 มีนาคมนี้ ยื่นข้อเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย ให้รัฐบาลผลักดันให้ไทยเป็นรัฐสวัสดิการทุกด้านอย่างถ้วนหน้าและครบวงจร แรงงานที่ตกงานไม่มีบ้านอยู่ มีลูกและพ่อแม่ต้องดูแล แต่โครงการเรียนฟรี 15 ปี เด็กยังต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก ส่วนค่าเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 500 บาทไม่เพียงพอ เงินช่วยเหลือผู้มีรายได้ไม่ถึง 15,000 บาทต่อเดือน คนละ 2,000 บาท เป็นการช่วยเหลือชั่วคราวเพื่อให้นายทุนอยู่ได้ จึงเสนอให้รัฐบาลใช้งบประมาณในการสร้างรัฐสวัสดิการ มาจากภาษีที่ดิน ภาษีมรดก คนมีมากต้องจ่ายมาก คนมีน้อยไม่ต้องจ่าย
ทั้งนี้ น.ส.จิตรา ยืนยันว่า จะมอบหนังสือให้กับนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวเท่านั้น และไม่มอบให้กับตัวแทน เพราะไม่ยอมรับระบบตัวแทน หากนายกรัฐมนตรีไม่เดินทางมารับหนังสือข้อเสนอด้วยตัวเอง ก็จะเดินทางกลับ
น.ส.จิตรา คัชเดช แกนนำองค์การความร่วมมือฯ และเจ้าหน้าที่สหภาพแรงงานไทรอัมพ์ กล่าวว่า วันนี้แรงงานสตรีจากหลายองค์กรเดินทางมารวมตัวกันเพื่อยืนยันเจตนารมณ์ว่า คนชั้นแรงงานที่ถูกขูดรีด และถูกเอาเปรียบจากนายจ้าง มีทั้งหญิงและชาย ขณะเดียวกันคนชั้นผู้เอาเปรียบประกอบด้วยหญิงและชายเช่นกัน ดังนั้น ปัญหาการถูกกดขี่จึงไม่ใช่เรื่องเพศ เป็นเรื่องชนชั้น และเพื่อศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ จึงใช้โอกาสวันสตรีสากลแห่งความเสมอภาคและความเป็นธรรม ในวันที่ 8 มีนาคมนี้ ยื่นข้อเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย ให้รัฐบาลผลักดันให้ไทยเป็นรัฐสวัสดิการทุกด้านอย่างถ้วนหน้าและครบวงจร แรงงานที่ตกงานไม่มีบ้านอยู่ มีลูกและพ่อแม่ต้องดูแล แต่โครงการเรียนฟรี 15 ปี เด็กยังต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก ส่วนค่าเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 500 บาทไม่เพียงพอ เงินช่วยเหลือผู้มีรายได้ไม่ถึง 15,000 บาทต่อเดือน คนละ 2,000 บาท เป็นการช่วยเหลือชั่วคราวเพื่อให้นายทุนอยู่ได้ จึงเสนอให้รัฐบาลใช้งบประมาณในการสร้างรัฐสวัสดิการ มาจากภาษีที่ดิน ภาษีมรดก คนมีมากต้องจ่ายมาก คนมีน้อยไม่ต้องจ่าย
ทั้งนี้ น.ส.จิตรา ยืนยันว่า จะมอบหนังสือให้กับนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวเท่านั้น และไม่มอบให้กับตัวแทน เพราะไม่ยอมรับระบบตัวแทน หากนายกรัฐมนตรีไม่เดินทางมารับหนังสือข้อเสนอด้วยตัวเอง ก็จะเดินทางกลับ
