นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด กล่าวในโอกาสครบรอบ 8 ปี ศาลปกครองถึงสถิติคดีปกครอง ว่า ตั้งแต่ศาลปกครองเปิดทำการ วันที่ 9 มีนาคม 2544 จนถึงปัจจุบัน มีคดีที่ร้องเข้ามาทั้งสิ้น 48,290 คดี พิจารณาแล้วเสร็จจำนวน 37,458 คดี คิดเป็นร้อยละ 77.57 และคดีคงค้างอยู่ 10,832 คดี คิดเป็นร้อยละ 22.43 ทั้งนี้ เรื่องที่นำมาฟ้องต่อศาลปกครองมากที่สุด คือ คดีที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล ซึ่งเป็นคดีที่ข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ฟ้องผู้บังคับบัญชาของตนเอง มีจำนวนมากที่สุดถึง 8,446 ดคี รองลงมาเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเวนคืนที่ดินจำนวน 7,008 คดี และคดีที่เกี่ยวกับพัสดุ จำนวน 5,357 คดี
ประธานศาลปกครอง กล่าวว่า หน่วยงานปกครองที่ถูกฟ้องคดีมากที่สุด คือ กระทรวงมหาดไทย จำนวน 12,091 คดี โดยเป็นคดีของกรมที่ดินจำนวน 4,502 คดี รองลงมากรมการปกครอง 3,225 คดี ตามมาด้วยกระทรวงศึกษาธิการ 4,740 คดี โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานถูกฟ้อง 1,654 คดี และกระทรวงคมนาคม 4,056 คดี โดยหน่วยงานที่ถูกฟ้องคือกรมทางหลวง 1,946 คดี สำหรับหน่วยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ถูกฟ้องมากที่สุด คือองค์การบริหารส่วนตำลบ 2726 คดี ตามมาด้วย กทม.2,522 คดี และเทศบาล 2,121 คดี
นายอักขราทร กล่าวว่า สถิติคดีดังกล่าวไม่ใช่เป็นตัวสะท้อนว่า หน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ถูกฟ้องนั้นปฏิบัติราชการดีหรือไม่ดีอย่างไร เพราะต้องศึกษาในรายละเอียดของประเด็นที่มีการฟ้องคดี แต่สถิติดังกล่าวสามารถบอกได้ว่าประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมทางปกครองมากขึ้น และกล้าที่จะดำเนินการเพื่อที่จะคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของตน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ในส่วนคดีที่ใช้เวลาในการพิจารณาเกินกว่า 3 ปี และยังไม่แล้วเสร็จที่มีอยู่ร้อยละ 4.34 ของคดีที่แล้วเสร็จ ทั้งหมดนั้นเกิดจากปัญหาการบริหารจัดการคดี และบุคลากร ซึ่งก่อนที่ตนจะเกษียณในปี 2553 จะพยายามจัดระบบบริหารคดี เพื่อให้คดีเหลือค้างน้อยที่สุด
ประธานศาลปกครอง กล่าวว่า หน่วยงานปกครองที่ถูกฟ้องคดีมากที่สุด คือ กระทรวงมหาดไทย จำนวน 12,091 คดี โดยเป็นคดีของกรมที่ดินจำนวน 4,502 คดี รองลงมากรมการปกครอง 3,225 คดี ตามมาด้วยกระทรวงศึกษาธิการ 4,740 คดี โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานถูกฟ้อง 1,654 คดี และกระทรวงคมนาคม 4,056 คดี โดยหน่วยงานที่ถูกฟ้องคือกรมทางหลวง 1,946 คดี สำหรับหน่วยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ถูกฟ้องมากที่สุด คือองค์การบริหารส่วนตำลบ 2726 คดี ตามมาด้วย กทม.2,522 คดี และเทศบาล 2,121 คดี
นายอักขราทร กล่าวว่า สถิติคดีดังกล่าวไม่ใช่เป็นตัวสะท้อนว่า หน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ถูกฟ้องนั้นปฏิบัติราชการดีหรือไม่ดีอย่างไร เพราะต้องศึกษาในรายละเอียดของประเด็นที่มีการฟ้องคดี แต่สถิติดังกล่าวสามารถบอกได้ว่าประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมทางปกครองมากขึ้น และกล้าที่จะดำเนินการเพื่อที่จะคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของตน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ในส่วนคดีที่ใช้เวลาในการพิจารณาเกินกว่า 3 ปี และยังไม่แล้วเสร็จที่มีอยู่ร้อยละ 4.34 ของคดีที่แล้วเสร็จ ทั้งหมดนั้นเกิดจากปัญหาการบริหารจัดการคดี และบุคลากร ซึ่งก่อนที่ตนจะเกษียณในปี 2553 จะพยายามจัดระบบบริหารคดี เพื่อให้คดีเหลือค้างน้อยที่สุด