พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม หรือ คตร. มอบหมายให้ พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานการประชุมเพื่อตรวจสอบ ทำความเข้าใจกับหน่วยปฏิบัติทุกภาคส่วน เพื่อให้มีความเข้าใจต่อการปฏิบัติกับผู้ชุมนุม ซึ่งขณะนี้ตำรวจได้ร้องขอให้ทหารเข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานแล้ว โดยภารกิจของกองทัพมีหน้าที่ป้องกันสถานที่ราชการสำคัญตามแผนอาร์มทอง มีกำลังพลทั้งหมด 21 กองร้อย โดยกำลังทหารจะเริ่มเคลื่อนย้ายออกจากหน่วยที่ตั้งพร้อมกับกำลังตำรวจ ในค่ำวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้
นอกจากนี้ พ.อ.สรรเสริญ ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับการรักษาความปลอดภัยบริเวณทำเนียบรัฐบาล กองทัพบกจะใช้กองกำลังจากกองทัพภาคที่ 1 โดยใช้กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ส่วนกระทรวงการต่างประเทศ จะใช้กำลังจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ โดยมี พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ส่วนการปฏิบัติทุกขั้นตอนจะไม่มีการใช้อาวุธ ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีการเน้นย้ำให้ใช้หมวกกันน็อก เสื้อ โล่ กระบอง จะไม่มีการนำอาวุธออกไป ซึ่งการปฏิบัติจะยึดจากเบาไปหาหนักตามมาตรฐานสากล หากผู้ชุมนุมจะบุกรุกเข้าไปยังสถานที่ราชการ จะใช้เครื่องขยายเสียงแจ้งต่อผู้ชุมนุม และปฏิบัติในขั้นตอนต่อไป หากพื้นที่ตำรวจร้องขอกำลังสนับสนุนเพิ่ม กองทัพจะใช้กำลังทหารจาเขตปริมณฑลเข้าไปรักษาความปลอดภัย และจะมีสารวัตรทหารตั้งจุดตรวจร่วมกับตำรวจบางพื้นที่ด้วย
นอกจากนี้ พ.อ.สรรเสริญ ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับการรักษาความปลอดภัยบริเวณทำเนียบรัฐบาล กองทัพบกจะใช้กองกำลังจากกองทัพภาคที่ 1 โดยใช้กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ส่วนกระทรวงการต่างประเทศ จะใช้กำลังจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ โดยมี พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ส่วนการปฏิบัติทุกขั้นตอนจะไม่มีการใช้อาวุธ ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีการเน้นย้ำให้ใช้หมวกกันน็อก เสื้อ โล่ กระบอง จะไม่มีการนำอาวุธออกไป ซึ่งการปฏิบัติจะยึดจากเบาไปหาหนักตามมาตรฐานสากล หากผู้ชุมนุมจะบุกรุกเข้าไปยังสถานที่ราชการ จะใช้เครื่องขยายเสียงแจ้งต่อผู้ชุมนุม และปฏิบัติในขั้นตอนต่อไป หากพื้นที่ตำรวจร้องขอกำลังสนับสนุนเพิ่ม กองทัพจะใช้กำลังทหารจาเขตปริมณฑลเข้าไปรักษาความปลอดภัย และจะมีสารวัตรทหารตั้งจุดตรวจร่วมกับตำรวจบางพื้นที่ด้วย
