นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงภาวะการลงทุนในช่วงเดือนมกราคมว่า มีมูลค่าสูงกว่า เช่นเดียวกันของปีที่ผ่านมากกว่า 3 เท่าตัว โดยโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมในการลงทุน ในเดือนมกราคมมีจำนวนทั้งสิ้น 70 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 100,800 ล้านบาท ในขณะที่เดือนมกราคมของปี 2551 มีมูลค่าเพียง 23,500 ล้านบาท โครงการลงทุนที่ขอรับส่งเสริม ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนของนักธุรกิจไทยและญี่ปุ่น โดยส่วนใหญ่เป็นกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ผลิตโลหะพื้นฐาน การผลิตไฟฟ้า และสาธารณูปโภค และเป็นการลงทุนของโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาทถึง 7 โครงการ
ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม และบีโอไอยังคงตั้งเป้าหมายคำขอรับส่งเสริมการลงทุนในปี 2552 ไว้ที่มูลค่า 6.5 แสนล้านบาท ซึ่งแม้ว่านักลงทุนจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่ก็มีนักลงทุนอีกกลุ่มที่เห็นประโยชน์ของการลงทุนในช่วงนี้ ซึ่งจะมีต้นทุนลดลงกว่าช่วงปกติ
ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม และบีโอไอยังคงตั้งเป้าหมายคำขอรับส่งเสริมการลงทุนในปี 2552 ไว้ที่มูลค่า 6.5 แสนล้านบาท ซึ่งแม้ว่านักลงทุนจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่ก็มีนักลงทุนอีกกลุ่มที่เห็นประโยชน์ของการลงทุนในช่วงนี้ ซึ่งจะมีต้นทุนลดลงกว่าช่วงปกติ
