นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ยอดการใช้ก๊าซแอลพีจีของประเทศลดลงร้อยละ 9.9 หรือมียอดการใช้อยู่ที่ 10.53 ล้านกิโลกรัมต่อวัน เนื่องจากยอดการใช้ในภาคอุตสาหกรรม และปิโตรเคมีลดลง ในขณะที่ยอดการใช้ในภาคขนส่งลดลงเช่นกัน ถึงร้อยละ 15.1 หรือมียอดการใช้เพียง 1.80 ล้านกิโลกรัมต่อวัน แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ยอดการใช้ก๊าซแอลพีจีในภาคครัวเรือนยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ร้อยละ 2.6 หรือมียอดการใช้อยู่ที่ 5.9 ล้านกิโลกรัมต่อวัน
สำหรับยอดการใช้ก๊าซแอลพีจีที่ลดลง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มองว่า อาจทำให้การนำเข้าแอลพีจีปีนี้ต่ำกว่าประมาณการเดิม ที่คาดการณ์ว่าจะนำเข้าประมาณ 1 ล้านตันต่อปี โดยอาจนำเข้าเฉลี่ยอยู่ที่ 2-3 หมื่นตันต่อเดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน หากปรับตัวดีขึ้น การใช้ภาคอุตสาหกรรม หรือปิโตรเคมี อาจจะขยับเพิ่มขึ้น และขึ้นอยู่กับราคาน้ำมัน หากราคาสูงขึ้นอาจทำให้ยอดการใช้แอลพีจีขยับขึ้นเช่นกัน
สำหรับยอดการใช้ก๊าซแอลพีจีที่ลดลง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มองว่า อาจทำให้การนำเข้าแอลพีจีปีนี้ต่ำกว่าประมาณการเดิม ที่คาดการณ์ว่าจะนำเข้าประมาณ 1 ล้านตันต่อปี โดยอาจนำเข้าเฉลี่ยอยู่ที่ 2-3 หมื่นตันต่อเดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน หากปรับตัวดีขึ้น การใช้ภาคอุตสาหกรรม หรือปิโตรเคมี อาจจะขยับเพิ่มขึ้น และขึ้นอยู่กับราคาน้ำมัน หากราคาสูงขึ้นอาจทำให้ยอดการใช้แอลพีจีขยับขึ้นเช่นกัน
