นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานแสดงความพร้อมของไทย ที่จะจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ ว่า การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้ ถือเป็นการกลับมาสู่ถิ่นกำเนิดของการประชุม คือที่ประเทศไทยอีกครั้ง และจะเป็นการเริ่มบทบาทใหม่ของอาเซียน หลังมีกฎบัตรอาเซียน ภายใต้ชื่อ กฎบัตรอาเซียนสำหรับประชาชนอาเซียน โดยกำหนดให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางความร่วมมือของประเทศสมาชิกทั้งหมด เพื่อเป้าหมายใหญ่คือการสร้างประชาคมอาเซียนให้เกิดขึ้นภายในปี ค.ศ.2015
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมปลายเดือนนี้ นอกจากการพบปะระดับรัฐบาลแล้ว ยังมีการพบปะกันระหว่างตัวแทนจากหลายกลุ่ม ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ ภาคประชาสังคม และกลุ่มเยาวชน ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนในการเริ่มต้นก้าวไปสู่พลเมืองอาเซียน
นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงความร่วมมือ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามด้านต่างๆ อย่างทันท่วงที ทั้งภัยคุกคามด้านความมั่นคง ด้านอาหาร พลังงานและภัยธรรมชาติ
สำหรับแนวทางแก้ปัญหาผู้อพยพชาวโรฮิงยา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะพูดคุยกับองค์การข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR เพื่อให้จัดหาสถานที่ในการส่งต่อผู้อพยพไปยังจุดปลายทางที่ชัดเจน ซึ่งไทยยินดีจัดส่งให้ และจะได้โอกาสในการพูดคุยกับอินโดนีเซีย มาเลเซีย พม่า เพื่อยกระดับปัญหาของชาวโรฮิงยา ให้เป็นปัญหาที่ต้องช่วยกันแก้ไขในระดับภูมิภาค
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมปลายเดือนนี้ นอกจากการพบปะระดับรัฐบาลแล้ว ยังมีการพบปะกันระหว่างตัวแทนจากหลายกลุ่ม ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ ภาคประชาสังคม และกลุ่มเยาวชน ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนในการเริ่มต้นก้าวไปสู่พลเมืองอาเซียน
นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงความร่วมมือ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามด้านต่างๆ อย่างทันท่วงที ทั้งภัยคุกคามด้านความมั่นคง ด้านอาหาร พลังงานและภัยธรรมชาติ
สำหรับแนวทางแก้ปัญหาผู้อพยพชาวโรฮิงยา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะพูดคุยกับองค์การข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR เพื่อให้จัดหาสถานที่ในการส่งต่อผู้อพยพไปยังจุดปลายทางที่ชัดเจน ซึ่งไทยยินดีจัดส่งให้ และจะได้โอกาสในการพูดคุยกับอินโดนีเซีย มาเลเซีย พม่า เพื่อยกระดับปัญหาของชาวโรฮิงยา ให้เป็นปัญหาที่ต้องช่วยกันแก้ไขในระดับภูมิภาค