นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ตามที่หลายฝ่ายออกมาคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจกันค่อนข้างมาก และภาพออกมาในเชิงว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะติดลบ ส่วนตัวเห็นว่า หากข่าวดังกล่าวออกมามากเกินไปจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ประชาชนจะประหยัดการใช้จ่ายจนทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอาจได้ผลน้อยหรือไม่ได้ผลตามที่คาดหวังไว้ ดังนั้น ในช่วงเวลานี้อยากให้ทุกฝ่ายร่วมกันแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจต่อไป เพราะเศรษฐกิจไทยจะติดลบหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความร่วมมือร่วมใจของภาครัฐและเอกชนในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
โดยหากรัฐให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินมาตรการต่างๆ ที่จำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดูแลแรงงาน โอกาสที่เศรษฐกิจไทยไม่ติดลบก็ยังมีอยู่ได้ เพราะขณะนี้ประเทศใหญ่ๆ ได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อสกัดกั้นปัญหาเศรษฐกิจที่ถดถอยอยู่แล้ว ซึ่งอาจทำให้ช่วงไตรมาสที่ 2 และไตรมาสที่ 3 ปีนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศใหญ่ๆ ระดับความรุนแรงของปัญหาจะชะลอตัวลงมาก ก็จะบรรเทาลงไปได้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักของไทยเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นก็จะช่วยให้การส่งออกของไทยดีขึ้นตามไปด้วย เพราะแม้ตลาดส่งออกชะลอลง แต่ก็มีสินค้าส่งออกหมวดอาหาร และเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ยอดส่งออกเพิ่มดีขึ้น ก็อาจชดเชยกันได้บ้าง
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีช่องทางที่จะหาเงินเข้าประเทศได้เพิ่มเติมจากการชักชวนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการที่นายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนญี่ปุ่น น่าจะทำให้ไทยมีลู่ทางในการค้าขายกับญี่ปุ่นได้มากขึ้น ประกอบกับขณะนี้ค่าเงินเยนแข็งค่า นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นก็มีโอกาสที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น ขณะที่การที่ไทยมีข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (เจเทปป้า) จะเป็นประโยชน์ต่อการส่งออกของไทย เพราะค่าเงินเยนแข็งค่าการซื้อสินค้าจากไทยก็มีราคาถูกลง
โดยหากรัฐให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินมาตรการต่างๆ ที่จำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดูแลแรงงาน โอกาสที่เศรษฐกิจไทยไม่ติดลบก็ยังมีอยู่ได้ เพราะขณะนี้ประเทศใหญ่ๆ ได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อสกัดกั้นปัญหาเศรษฐกิจที่ถดถอยอยู่แล้ว ซึ่งอาจทำให้ช่วงไตรมาสที่ 2 และไตรมาสที่ 3 ปีนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศใหญ่ๆ ระดับความรุนแรงของปัญหาจะชะลอตัวลงมาก ก็จะบรรเทาลงไปได้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักของไทยเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นก็จะช่วยให้การส่งออกของไทยดีขึ้นตามไปด้วย เพราะแม้ตลาดส่งออกชะลอลง แต่ก็มีสินค้าส่งออกหมวดอาหาร และเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ยอดส่งออกเพิ่มดีขึ้น ก็อาจชดเชยกันได้บ้าง
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีช่องทางที่จะหาเงินเข้าประเทศได้เพิ่มเติมจากการชักชวนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการที่นายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนญี่ปุ่น น่าจะทำให้ไทยมีลู่ทางในการค้าขายกับญี่ปุ่นได้มากขึ้น ประกอบกับขณะนี้ค่าเงินเยนแข็งค่า นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นก็มีโอกาสที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น ขณะที่การที่ไทยมีข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (เจเทปป้า) จะเป็นประโยชน์ต่อการส่งออกของไทย เพราะค่าเงินเยนแข็งค่าการซื้อสินค้าจากไทยก็มีราคาถูกลง
