พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ได้สั่งการให้ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) ตรวจสอบกรณีที่ พ.ต.อ.ประยนต์ ลาเสือ รองผู้บังคับการกองปราบปราม เข้ามาถือหุ้นในซานติก้าผับ โดยให้รายงานเมื่อวันที่ 28 มกราคม แต่ทั้งนี้ได้มีการขอขยายเวลาออกไปอีก 15 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้
เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า พ.ต.อ.ประยนต์ เข้าถือหุ้นจำนวน 16 หุ้น หุ้นละ 5,000 บาท ตั้งแต่ปี 2549 ของบริษัท ไวท์แอนด์บราเธอร์ จำกัด แต่ไม่ได้เป็นกรรมการผู้จัดการตามที่เป็นข่าว แต่ก็ยอมรับว่าได้ใช้คำนำหน้าว่า "นาย" จริง
นอกจากนี้ พล.ต.ท.วรพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า หาก พ.ต.อ.ประยนต์ เข้าถือหุ้นโดยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการในผับดังกล่าว ไม่ถือว่าเป็นความผิด โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจะต้องเรียกตัว พ.ต.อ.ประยนต์ เข้ามาชี้แจง
ส่วนกรณีที่กระทรวงยุติธรรมโจมตีว่าตำรวจเข้าถือหุ้นซานติก้าผับนั้น ได้ให้กองปราบปรามไปตรวจสอบ ว่า พ.ต.อ.ประยนต์ ใช้อำนาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตำรวจในพื้นที่หรือไม่ ซึ่งหากพบว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง จะต้องดำเนินการตามระเบียบ โดยไม่มีการปกป้องผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด
เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า พ.ต.อ.ประยนต์ เข้าถือหุ้นจำนวน 16 หุ้น หุ้นละ 5,000 บาท ตั้งแต่ปี 2549 ของบริษัท ไวท์แอนด์บราเธอร์ จำกัด แต่ไม่ได้เป็นกรรมการผู้จัดการตามที่เป็นข่าว แต่ก็ยอมรับว่าได้ใช้คำนำหน้าว่า "นาย" จริง
นอกจากนี้ พล.ต.ท.วรพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า หาก พ.ต.อ.ประยนต์ เข้าถือหุ้นโดยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการในผับดังกล่าว ไม่ถือว่าเป็นความผิด โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจะต้องเรียกตัว พ.ต.อ.ประยนต์ เข้ามาชี้แจง
ส่วนกรณีที่กระทรวงยุติธรรมโจมตีว่าตำรวจเข้าถือหุ้นซานติก้าผับนั้น ได้ให้กองปราบปรามไปตรวจสอบ ว่า พ.ต.อ.ประยนต์ ใช้อำนาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตำรวจในพื้นที่หรือไม่ ซึ่งหากพบว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง จะต้องดำเนินการตามระเบียบ โดยไม่มีการปกป้องผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด