บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สำรวจ "พฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2552 ของคนกรุงเทพฯ" ระหว่างวันที่ 9-16 มกราคม 2552 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 458 คน เน้นตัวแทนของครอบครัวที่ไหว้เจ้าในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ พบว่าเทศกาลตรุษจีนในกรุงเทพฯ ก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัด 19,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาลดลงร้อยละ 1.6
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายดังกล่าวแยกเป็นการซื้อสินค้าเพื่อจัดเครื่องเซ่นไหว้ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ มูลค่าประมาณ 4,700 ล้านบาท ขณะที่การแจกอั่งเปา มูลค่ารวมประมาณ 7,400 ล้านบาท และการใช้จ่ายด้านกิจกรรมนอกบ้านสำหรับผู้ที่อยู่ในกรุงเทพฯ ช่วงตรุษจีน มูลค่าประมาณ 1,900 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีการใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,500 ล้านบาท และการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศช่วงตรุษจีน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า เม็ดเงินสะพัดในช่วงเทศกาลตรุษจีนทั้งประเทศในปี 2552 น่าจะอยู่ในระดับประมาณ 32,000-38,000 ล้านบาท โดยคำนวณจากเม็ดเงินสะพัดของคนกรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็นผู้กระจายเม็ดเงินให้สะพัดประมาณร้อยละ 50-60 ของปริมาณเม็ดเงินสะพัดทั้งประเทศในช่วงเทศกาลตรุษจีน
อย่างไรก็ตาม การร่วมกิจกรรมสำคัญในเทศกาลตรุษจีนปีนี้มีแนวโน้มคึกคัก แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะยังไม่กระเตื้องขึ้นมากนัก เนื่องจากเป็นประเพณีความเชื่อที่จะต้องไหว้เจ้าและไหว้บรรพบุรุษเพื่อรับกับปีใหม่ โดยเฉพาะเพื่อให้การค้าในปีใหม่เจริญรุ่งเรืองและรับโชคลาภในปีใหม่ ดังนั้น คนไทยเชื้อสายจีนที่ยังยึดถือประเพณีการไหว้เจ้าก็ยังมีการไหว้เจ้าในช่วงตรุษจีนต่อไป และแม้ว่าเครื่องเซ่น รวมทั้งของไหว้อื่นๆ จะมีราคาแพงขึ้น แต่ชาวไทยเชื้อสายจีนก็ยังออกไปซื้อหาเครื่องเซ่นและของไหว้
อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการจับจ่ายซื้อสินค้าเครื่องเซ่นไหว้ และการจับจ่ายในวันเที่ยวยังเน้นการใช้จ่ายอย่างประหยัด ส่งผลให้การใช้จ่ายในด้านต่างๆ โดยรวมในเทศกาลตรุษจีนปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเพียงเล็กน้อย ขณะที่เม็ดเงินสะพัดในการแจกอั่งเปามีแนวโน้มลดลง
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายดังกล่าวแยกเป็นการซื้อสินค้าเพื่อจัดเครื่องเซ่นไหว้ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ มูลค่าประมาณ 4,700 ล้านบาท ขณะที่การแจกอั่งเปา มูลค่ารวมประมาณ 7,400 ล้านบาท และการใช้จ่ายด้านกิจกรรมนอกบ้านสำหรับผู้ที่อยู่ในกรุงเทพฯ ช่วงตรุษจีน มูลค่าประมาณ 1,900 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีการใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,500 ล้านบาท และการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศช่วงตรุษจีน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า เม็ดเงินสะพัดในช่วงเทศกาลตรุษจีนทั้งประเทศในปี 2552 น่าจะอยู่ในระดับประมาณ 32,000-38,000 ล้านบาท โดยคำนวณจากเม็ดเงินสะพัดของคนกรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็นผู้กระจายเม็ดเงินให้สะพัดประมาณร้อยละ 50-60 ของปริมาณเม็ดเงินสะพัดทั้งประเทศในช่วงเทศกาลตรุษจีน
อย่างไรก็ตาม การร่วมกิจกรรมสำคัญในเทศกาลตรุษจีนปีนี้มีแนวโน้มคึกคัก แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะยังไม่กระเตื้องขึ้นมากนัก เนื่องจากเป็นประเพณีความเชื่อที่จะต้องไหว้เจ้าและไหว้บรรพบุรุษเพื่อรับกับปีใหม่ โดยเฉพาะเพื่อให้การค้าในปีใหม่เจริญรุ่งเรืองและรับโชคลาภในปีใหม่ ดังนั้น คนไทยเชื้อสายจีนที่ยังยึดถือประเพณีการไหว้เจ้าก็ยังมีการไหว้เจ้าในช่วงตรุษจีนต่อไป และแม้ว่าเครื่องเซ่น รวมทั้งของไหว้อื่นๆ จะมีราคาแพงขึ้น แต่ชาวไทยเชื้อสายจีนก็ยังออกไปซื้อหาเครื่องเซ่นและของไหว้
อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการจับจ่ายซื้อสินค้าเครื่องเซ่นไหว้ และการจับจ่ายในวันเที่ยวยังเน้นการใช้จ่ายอย่างประหยัด ส่งผลให้การใช้จ่ายในด้านต่างๆ โดยรวมในเทศกาลตรุษจีนปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเพียงเล็กน้อย ขณะที่เม็ดเงินสะพัดในการแจกอั่งเปามีแนวโน้มลดลง