ศาลอาญารัชดา พิพากษายกฟ้องคดีที่พนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอิทธิพล สนธิมูล เป็นจำเลย ในความผิดฐานกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้ายทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวโดยการขู่เข็ญ
จากกรณี เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ปี 2550 จำเลยได้กระทำอนาจารแก่นางลีนา จังจรรจา ผู้เสียหายซึ่งเป็นอดีตผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม. เนื่องจากจำเลยไม่ทำงานให้กับผู้เสียหาย ทำให้เสียเงินและเสียเวลาในการหาเสียง ผู้เสียหายจึงต่อว่าจำเลย ทำให้จำเลยโกรธเคืองจึงจับหน้าอกและข่มขู่ด้วยวาจาว่าจะฆ่า เป็นเหตุให้ผู้เสียหายเกิดความกลัว
โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานจากการนำสืบของโจทก์และจำเลยแล้ว เห็นว่าจำเลยซึ่งเป็นคนขับรถ แจ้งว่าจะไม่ให้ขับรถให้ผู้เสียหาย อีกทั้งยังนำเครื่องเสียงอุปกรณ์หาเสียงมาคืน แต่ภายหลังผู้เสียหายแจ้งความให้ตำรวจจับกุมจำเลย ซึ่งจำเลยไม่มีท่าทีหลบหนีและให้การปฏิเสธตลอดมา จึงไม่มีเหตุเชื่อว่าจะกระทำการให้เกิดความเสียหาย ประกอบกับโจทก์มีผู้เบิกความเพียงปากเดียว พิจารณาจากคำเบิกความของผู้เสียหายแล้วมีข้อสงสัยหลายประการ จึงยกประโยชน์แก่ความสงสัยให้กับจำเลย พิพากษายกฟ้อง
จากกรณี เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ปี 2550 จำเลยได้กระทำอนาจารแก่นางลีนา จังจรรจา ผู้เสียหายซึ่งเป็นอดีตผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม. เนื่องจากจำเลยไม่ทำงานให้กับผู้เสียหาย ทำให้เสียเงินและเสียเวลาในการหาเสียง ผู้เสียหายจึงต่อว่าจำเลย ทำให้จำเลยโกรธเคืองจึงจับหน้าอกและข่มขู่ด้วยวาจาว่าจะฆ่า เป็นเหตุให้ผู้เสียหายเกิดความกลัว
โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานจากการนำสืบของโจทก์และจำเลยแล้ว เห็นว่าจำเลยซึ่งเป็นคนขับรถ แจ้งว่าจะไม่ให้ขับรถให้ผู้เสียหาย อีกทั้งยังนำเครื่องเสียงอุปกรณ์หาเสียงมาคืน แต่ภายหลังผู้เสียหายแจ้งความให้ตำรวจจับกุมจำเลย ซึ่งจำเลยไม่มีท่าทีหลบหนีและให้การปฏิเสธตลอดมา จึงไม่มีเหตุเชื่อว่าจะกระทำการให้เกิดความเสียหาย ประกอบกับโจทก์มีผู้เบิกความเพียงปากเดียว พิจารณาจากคำเบิกความของผู้เสียหายแล้วมีข้อสงสัยหลายประการ จึงยกประโยชน์แก่ความสงสัยให้กับจำเลย พิพากษายกฟ้อง