น.พ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคเอดส์ของไทย ว่า ตั้งแต่ พ.ศ.2527 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2551 รวม 24 ปี สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข คาดว่ามีผู้ติดเชื้อประมาณ 1,200,000 คน มีผู้ป่วยโรคเอดส์สะสมทั้งหมด 337,989 ราย เป็นชายมากกว่าหญิงในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 เสียชีวิตแล้ว 92,111 ราย หรือประมาณ 1 ใน 4 ของผู้ป่วยทั้งหมด
น.พ.สุพรรณ กล่าวว่า ผู้ป่วยโรคเอดส์มีทุกกลุ่มอาชีพ โดยเฉพาะข้าราชการ ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่มีการศึกษา มีสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมค่อนข้างสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ จากการวิเคราะห์พบว่าตั้งแต่ พ.ศ. 2527 เป็นต้นมาจนถึง 30 กันยายน 2551 มีข้าราชการป่วยจากโรคเอดส์สะสมทั้งหมด 10,278 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ของผู้ป่วยโรคเอดส์ทั้งหมดเป็นชาย 9,043 ราย หญิง 1,235 ราย เพศชายป่วยสูงกว่าเพศหญิงในอัตราส่วน 7 ต่อ 1 เสียชีวิตไปแล้ว 2,448 ราย โดยผู้ป่วย 1 ใน 3 เป็นกลุ่มข้าราชการพลเรือนอีกประมาณ 1 ใน 10 เป็นทหาร ตำรวจ สาเหตุใหญ่ของการติดเชื้อเอดส์ เกือบร้อยละ 90 เกิดมาจากการมีเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย
นายแพทย์สุพรรณ กล่าวอีกว่า ข้าราชการที่ป่วยเป็นโรคเอดส์ร้อยละ 63.8 อายุระหว่าง 30-44 ปี มากที่สุดคืออายุ 30-34 ปี พบร้อยละ 24 ผู้ป่วยส่วนใหญ่ร้อยละ 61 แต่งงานแล้ว โดยกระทรวงสาธารณสุขได้รับรายงานผู้ป่วยเอดส์ที่เป็นข้าราชการรายแรกเมื่อ พ.ศ. 2530 มีรายงานป่วยสูงสุด 940 ราย ในปี 2539 หลังจากนั้นเริ่มลดลงอย่างช้าๆ ในปี 2551 นี้ ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน มีรายงานผู้ป่วย 303 ราย จังหวัดที่มีข้าราชการป่วยเป็นโรคเอดส์สะสมสูงสุดคือ กรุงเทพมหานคร 1,622 ราย ส่วนต่างจังหวัดพบมากที่สุด 5 จังหวัดแรกคือ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา นนทบุรี และชลบุรี โดยโรคฉวยโอกาสที่มักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคเอดส์ที่พบมากที่สุดทุกกลุ่ม คือ วัณโรคปอด พบ 1 ใน 5 ของผู้ป่วย กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งป้องกันโดยในปี 2552 นี้ จะเน้นการตรวจหาเชื้อวัณโรคและรักษาควบคู่กับยาต้านไวรัสเอดส์ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยโรคเอดส์มีสุขภาพแข็งแรง สามารถทำงานได้เหมือนคนปกติทั่วไป
น.พ.สุพรรณ กล่าวว่า ผู้ป่วยโรคเอดส์มีทุกกลุ่มอาชีพ โดยเฉพาะข้าราชการ ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่มีการศึกษา มีสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมค่อนข้างสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ จากการวิเคราะห์พบว่าตั้งแต่ พ.ศ. 2527 เป็นต้นมาจนถึง 30 กันยายน 2551 มีข้าราชการป่วยจากโรคเอดส์สะสมทั้งหมด 10,278 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ของผู้ป่วยโรคเอดส์ทั้งหมดเป็นชาย 9,043 ราย หญิง 1,235 ราย เพศชายป่วยสูงกว่าเพศหญิงในอัตราส่วน 7 ต่อ 1 เสียชีวิตไปแล้ว 2,448 ราย โดยผู้ป่วย 1 ใน 3 เป็นกลุ่มข้าราชการพลเรือนอีกประมาณ 1 ใน 10 เป็นทหาร ตำรวจ สาเหตุใหญ่ของการติดเชื้อเอดส์ เกือบร้อยละ 90 เกิดมาจากการมีเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย
นายแพทย์สุพรรณ กล่าวอีกว่า ข้าราชการที่ป่วยเป็นโรคเอดส์ร้อยละ 63.8 อายุระหว่าง 30-44 ปี มากที่สุดคืออายุ 30-34 ปี พบร้อยละ 24 ผู้ป่วยส่วนใหญ่ร้อยละ 61 แต่งงานแล้ว โดยกระทรวงสาธารณสุขได้รับรายงานผู้ป่วยเอดส์ที่เป็นข้าราชการรายแรกเมื่อ พ.ศ. 2530 มีรายงานป่วยสูงสุด 940 ราย ในปี 2539 หลังจากนั้นเริ่มลดลงอย่างช้าๆ ในปี 2551 นี้ ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน มีรายงานผู้ป่วย 303 ราย จังหวัดที่มีข้าราชการป่วยเป็นโรคเอดส์สะสมสูงสุดคือ กรุงเทพมหานคร 1,622 ราย ส่วนต่างจังหวัดพบมากที่สุด 5 จังหวัดแรกคือ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา นนทบุรี และชลบุรี โดยโรคฉวยโอกาสที่มักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคเอดส์ที่พบมากที่สุดทุกกลุ่ม คือ วัณโรคปอด พบ 1 ใน 5 ของผู้ป่วย กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งป้องกันโดยในปี 2552 นี้ จะเน้นการตรวจหาเชื้อวัณโรคและรักษาควบคู่กับยาต้านไวรัสเอดส์ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยโรคเอดส์มีสุขภาพแข็งแรง สามารถทำงานได้เหมือนคนปกติทั่วไป