นายตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่มีการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมกลางปี 116,000 ล้านบาท เป็นเพียงมาตรการระยะสั้น เพื่อลดภาระของประชาชนมากกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้นในช่วง 4-5 เดือนข้างหน้า รัฐบาลควรมีมาตรการระยะยาวที่มุ่งเน้นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจทั้งภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยั่งยืน อีกทั้งเม็ดเงินกว่า 110,000 ล้านบาท ต้องมีการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ให้รั่วไหล
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าไทย กล่าวว่า หากรัฐบาลสามารถดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่ประกาศออกมา จะทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นบวกได้ เนื่องจากเม็ดเงินจะไปถึงกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโดยตรง แต่ยังเป็นห่วงว่า ผลของมาตรการอาจล่าช้าเกินไป เนื่องจากการเบิกจ่ายงบประมาณกลางปีต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาก่อน ซึ่งทั้งกระบวนการต้องใช้เวลานานถึง 2 เดือน
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าไทย กล่าวว่า หากรัฐบาลสามารถดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่ประกาศออกมา จะทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นบวกได้ เนื่องจากเม็ดเงินจะไปถึงกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโดยตรง แต่ยังเป็นห่วงว่า ผลของมาตรการอาจล่าช้าเกินไป เนื่องจากการเบิกจ่ายงบประมาณกลางปีต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาก่อน ซึ่งทั้งกระบวนการต้องใช้เวลานานถึง 2 เดือน