นายกรัฐมนตรีลี เซียน ลุง ของสิงคโปร์ ระบุวันนี้ว่า สิงคโปร์มีแผนจะบังคับให้บรรดาบริษัทเสนอว่าจ้างพนักงานกลับเข้าทำงานอีกหลังวัยปลดเกษียณ และจะเริ่มใช้ระบบเงินบำนาญช่วยรับมือปัญหาประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
นายกรัฐมนตรีลี ระบุว่า แผนการนี้เป็นการเรียกร้องให้นายจ้างเสนอว่าจ้างพนักงานที่เกษียณอายุในวัย 62 ปีให้กลับเข้าทำงานได้ต่ออีก 3 ปี จนถึงอายุ 65 ปี โดยไม่จำเป็นต้องเป็นการจ้างกลับเข้ามาทำงานตำแหน่งเดิม หรือจ่ายค่าจ้างในอัตราเดิม
นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังพิจารณาการเปลี่ยนแปลงในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่กำหนดให้ชาวสิงคโปร์ทุกคนต้องสมทบเงินเข้ากองทุน เพื่อให้ได้รับเงินอย่างต่อเนื่องแม้อายุเกิน 65 ปีไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้นำสิงคโปร์ยังไม่ยอมจัดให้มีสวัสดิการด้านสุขภาพโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย แม้ชาวสิงคโปร์จำนวนมากจะกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่พุ่งสูงขึ้น โดยอ้างว่า สวัสดิการดังกล่าวอาจนำไปสู่ความต้องการบริการด้านสุขภาพที่ไม่สามารถควบคุมได้และไม่ยั่งยืน
ทั้งนี้ สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเกิดต่ำที่สุดในโลก โดยเฉลี่ยผู้หญิงสิงคโปร์จะมีบุตร 1.29 คนตลอดช่วงชีวิต และรัฐบาลคาดว่า 1 ใน 5 ของประชากรจะมีอายุ 65 ปี หรือมากกว่าภายในปี 2573
นายกรัฐมนตรีลี ระบุว่า แผนการนี้เป็นการเรียกร้องให้นายจ้างเสนอว่าจ้างพนักงานที่เกษียณอายุในวัย 62 ปีให้กลับเข้าทำงานได้ต่ออีก 3 ปี จนถึงอายุ 65 ปี โดยไม่จำเป็นต้องเป็นการจ้างกลับเข้ามาทำงานตำแหน่งเดิม หรือจ่ายค่าจ้างในอัตราเดิม
นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังพิจารณาการเปลี่ยนแปลงในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่กำหนดให้ชาวสิงคโปร์ทุกคนต้องสมทบเงินเข้ากองทุน เพื่อให้ได้รับเงินอย่างต่อเนื่องแม้อายุเกิน 65 ปีไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้นำสิงคโปร์ยังไม่ยอมจัดให้มีสวัสดิการด้านสุขภาพโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย แม้ชาวสิงคโปร์จำนวนมากจะกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่พุ่งสูงขึ้น โดยอ้างว่า สวัสดิการดังกล่าวอาจนำไปสู่ความต้องการบริการด้านสุขภาพที่ไม่สามารถควบคุมได้และไม่ยั่งยืน
ทั้งนี้ สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเกิดต่ำที่สุดในโลก โดยเฉลี่ยผู้หญิงสิงคโปร์จะมีบุตร 1.29 คนตลอดช่วงชีวิต และรัฐบาลคาดว่า 1 ใน 5 ของประชากรจะมีอายุ 65 ปี หรือมากกว่าภายในปี 2573